ประเมินทรัพย์สิน “เอไอเอส” ก่อนหมดสัญญาสัมปทานในปี 2558 พร้อมจัดทำสถานีฐานร่วมขยายบริการ 3จี-แอลทีอี รับเปิดเสรีอาเซียน
นายพันธ์เทพ จำรัสโรมรัน ประธานกรรมการบริหาร (บอร์ด) บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทีโอทีกำลังเร่งประเมินทรัพย์สินของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส ซึ่งจะหมดสัญญาสัมปทานในปี 2558 โดยบริษัทที่จะทำหน้าที่ประเมินทรัพย์ของเอไอเอสให้กับทีโอทีจะเป็นบริษัทที่ได้รับการรับรองจากตลาดหลักทรัพย์ โดยการประเมินทรัพย์สิน ทีโอทีจะได้รับมอบสถานีฐานจากเอไอเอสจำนวน 12,000–15,000 สถานีฐาน สถานีฐานละ 2 ล้านบาท รวมมูลค่า 24,000–30,000 ล้านบาท เมื่อรวมกับสถานีฐานซึ่งทีโอทีที่สร้างเองอีก 5,000 สถานีฐาน จะทำให้ทีโอทีมีสถานีฐานเพื่อให้บริการ 3จี มากที่สุดในประเทศไทย
นายพันธ์เทพ กล่าวต่อว่า ทีโอทีมีแผนจะนำสถานีฐานซึ่งเอไอเอสหมดสัญญาสัมปทานไปให้บริการ 3จี และแอลทีอี (4จี) โดยให้บริษัทเอกชนที่สนใจมาเช่าใช้โครงข่ายเพื่อให้บริการ เบื้องต้นจะตั้งบริษัทในเครือข่ายทีโอทีขึ้นมาเพื่อรับหน้าที่จัดทำสถานีฐานร่วม (Tower co) โดยนำสถานีฐานที่มีมาใช้ประโยชน์ร่วมกันเป็นการลดการลงทุนซ้ำซ้อนทั้งของภาครัฐและเอกชน รวมทั้งจะนำบริษัทดังกล่าวเข้าตลาดหลักทรัพย์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับบริษัทเอกชนเพราะสามารถตรวจสอบได้
“ทีโอทีต้องรักษาความเป็นผู้จัดหาและให้บริการโครงข่ายที่ดี (เน็ตเวิร์กโพรวายเดอร์)และชัดเจนในการดำเนินงาน โดยตั้งเป้าอีก 3 ปีจากนี้ทีโอทีต้องเป็นผู้ให้บริการโครงข่ายด้านโทรคมนาคมที่ดีที่สุดของประเทศไทย ซึ่งเป็นช่วงที่จะเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 หากทีโอทีสามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมายก็จะทำให้ไทยพร้อมแข่งขันในการเปิดเสรีอาเซียนด้วย”
นายพันธ์เทพ กล่าวว่า ปัญหาการดำเนินงานของทีโอทีวันนี้อยู่ที่เอกชนยังคงอยู่บนพื้นฐานของความไม่ไว้ใจ ดังนั้นทีโอทีต้องเร่งดำเนินงานให้เอกชนเห็นความเคลื่อนไหว โดยแผนการดำเนินงาน 3จี และแอลทีอี ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินงานคาดจะใช้เวลา 6 เดือนในการทำแผนงาน เบื้องต้นตั้งงบประมาณการดำเนินงานไว้ที่ 30,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามหากโครงการนี้ทีโอทีไม่สามารถดำเนินงานได้ทันปีนี้ คงไม่สามารถไปแข่งขันกับใครได้เพราะมีสถานีฐาน 3จี เพียง 5,000 สถานีฐาน.
นายพันธ์เทพ จำรัสโรมรัน ประธานกรรมการบริหาร (บอร์ด) บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทีโอทีกำลังเร่งประเมินทรัพย์สินของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส ซึ่งจะหมดสัญญาสัมปทานในปี 2558 โดยบริษัทที่จะทำหน้าที่ประเมินทรัพย์ของเอไอเอสให้กับทีโอทีจะเป็นบริษัทที่ได้รับการรับรองจากตลาดหลักทรัพย์ โดยการประเมินทรัพย์สิน ทีโอทีจะได้รับมอบสถานีฐานจากเอไอเอสจำนวน 12,000–15,000 สถานีฐาน สถานีฐานละ 2 ล้านบาท รวมมูลค่า 24,000–30,000 ล้านบาท เมื่อรวมกับสถานีฐานซึ่งทีโอทีที่สร้างเองอีก 5,000 สถานีฐาน จะทำให้ทีโอทีมีสถานีฐานเพื่อให้บริการ 3จี มากที่สุดในประเทศไทย
นายพันธ์เทพ กล่าวต่อว่า ทีโอทีมีแผนจะนำสถานีฐานซึ่งเอไอเอสหมดสัญญาสัมปทานไปให้บริการ 3จี และแอลทีอี (4จี) โดยให้บริษัทเอกชนที่สนใจมาเช่าใช้โครงข่ายเพื่อให้บริการ เบื้องต้นจะตั้งบริษัทในเครือข่ายทีโอทีขึ้นมาเพื่อรับหน้าที่จัดทำสถานีฐานร่วม (Tower co) โดยนำสถานีฐานที่มีมาใช้ประโยชน์ร่วมกันเป็นการลดการลงทุนซ้ำซ้อนทั้งของภาครัฐและเอกชน รวมทั้งจะนำบริษัทดังกล่าวเข้าตลาดหลักทรัพย์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับบริษัทเอกชนเพราะสามารถตรวจสอบได้
“ทีโอทีต้องรักษาความเป็นผู้จัดหาและให้บริการโครงข่ายที่ดี (เน็ตเวิร์กโพรวายเดอร์)และชัดเจนในการดำเนินงาน โดยตั้งเป้าอีก 3 ปีจากนี้ทีโอทีต้องเป็นผู้ให้บริการโครงข่ายด้านโทรคมนาคมที่ดีที่สุดของประเทศไทย ซึ่งเป็นช่วงที่จะเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 หากทีโอทีสามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมายก็จะทำให้ไทยพร้อมแข่งขันในการเปิดเสรีอาเซียนด้วย”
นายพันธ์เทพ กล่าวว่า ปัญหาการดำเนินงานของทีโอทีวันนี้อยู่ที่เอกชนยังคงอยู่บนพื้นฐานของความไม่ไว้ใจ ดังนั้นทีโอทีต้องเร่งดำเนินงานให้เอกชนเห็นความเคลื่อนไหว โดยแผนการดำเนินงาน 3จี และแอลทีอี ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินงานคาดจะใช้เวลา 6 เดือนในการทำแผนงาน เบื้องต้นตั้งงบประมาณการดำเนินงานไว้ที่ 30,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามหากโครงการนี้ทีโอทีไม่สามารถดำเนินงานได้ทันปีนี้ คงไม่สามารถไปแข่งขันกับใครได้เพราะมีสถานีฐาน 3จี เพียง 5,000 สถานีฐาน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น