วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ดร. สมัย เหมมั่น Dr.Samai Hemman: อุตสาหกรรมเหล็กประเทศจีน ยุค Global Management

ดร. สมัย เหมมั่น Dr.Samai Hemman: อุตสาหกรรมเหล็กประเทศจีน ยุค Global Management: By Dr.Samai Hemman DBA Global Management ความหลากหลายทางชีวภาพ แพนด้ายักษ์ จีนเป็นหนึ่งใน 17 ประเทศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง และ...

ดร. สมัย เหมมั่น Dr.Samai Hemman: อุตสาหกรรมเหล็กประเทศจีน ยุค Global Management

ดร. สมัย เหมมั่น Dr.Samai Hemman: อุตสาหกรรมเหล็กประเทศจีน ยุค Global Management: By Dr.Samai Hemman DBA Global Management ความหลากหลายทางชีวภาพ แพนด้ายักษ์ จีนเป็นหนึ่งใน 17 ประเทศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง และ...

ดร. สมัย เหมมั่น Dr.Samai Hemman: อุตสาหกรรมเหล็กประเทศจีน ยุค Global Management

ดร. สมัย เหมมั่น Dr.Samai Hemman: อุตสาหกรรมเหล็กประเทศจีน ยุค Global Management: By Dr.Samai Hemman DBA Global Management ความหลากหลายทางชีวภาพ แพนด้ายักษ์ จีนเป็นหนึ่งใน 17 ประเทศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง และ...

ดร. สมัย เหมมั่น Dr.Samai Hemman: อุตสาหกรรมเหล็กประเทศจีน ยุค Global Management

ดร. สมัย เหมมั่น Dr.Samai Hemman: อุตสาหกรรมเหล็กประเทศจีน ยุค Global Management: By Dr.Samai Hemman DBA Global Management ความหลากหลายทางชีวภาพ แพนด้ายักษ์ จีนเป็นหนึ่งใน 17 ประเทศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง และ...

อุตสาหกรรมเหล็กประเทศจีน ยุค Global Management

By Prof.Dr.Samai Hemman
DBA Global Management

ความหลากหลายทางชีวภาพ
แพนด้ายักษ์
จีนเป็นหนึ่งใน 17 ประเทศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง และตั้งอยู่ในสองเขตชีวภาพสำคัญของโลก เขตชีวภาพพาลีอาร์กติกและเขตชีวภาพอินโดมาลายา ในเขตพาลีอาร์กติกจะพบสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมอย่างเช่น ม้า อูฐ สมเสร็จ และหนูเจอร์บัว ส่วนสปีชีส์ที่พบในเขตอินโดมาลายาเช่น แมวดาว ตุ่นพงสาลี กระแต ไปจนถึงลิงและเอปหลายสปีชีส์ สัตว์บางชนิด
พบในเขตชีวภาพทั้งสองเนื่องจากการแพร่พันธุ์ตามธรรมชาติและการอพยพ และกวางหรือแอนติโลป หมี หมาป่า สุกรและสัตว์ฟันแทะสามารถพบได้ในทุกสภาพแวดล้อมทางภูมิอากาศและภูมิศาสตร์ที่แตกต่างกัน แพนด้ายักษ์ที่มีชื่อเสียงนั้นพบได้ในบริเวณจำกัดตามแม่น้ำแยงซี ประเทศจีนกำลังประสบปัญหาที่กำลังดำเนินอยู่ในด้านการค้าสปีชีส์ใกล้สูญพันธุ์ ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีกฎหมายห้ามกิจกรรมดังกล่าวแล้วก็ตาม
ประเทศจีนมีป่าหลายประเภท ขอบเขตทางตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือนั้นมีภูเขาและป่าสนเขตอากาศหนาว ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์บางสปีชีส์ รวมไปถึง มูสและหมีดำเอเชีย นอกจากนี้ยังมีนกอีกราว 120 ชนิด ป่าสนชื้นมีชั้นไม้พุ่มเป็นไผ่ แทนที่โดยกุหลาบพันปีกลุ่มไม้จำพวกสนและยิวบนภูเขาที่สูงกว่า ป่าใต้เขตร้อน ซึ่งพบมากทางตอนกลางและตอนใต้ของจีน พบพรรณพืชจำนวนน่าพิศวงถึง 146,000 สปีชีส์ ป่าฝนเขตร้อนและป่าดิบแล้ง ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีขอบเขตเพียงมณฑลยูนนานและเกาะไหหนาน แต่มีพรรณพืชและพันธุ์สัตว์คิดเป็นหนึ่งในสี่ของทั้งหมดที่พบในประเทศจีน









2553 และแนวโน้มปี 2554
เศรษฐกิจโลกในปี
ขยายตัวร้อยละ
ไหลเวียนของเงินลงทุน แต่ปัญหาอัตราการว่างงานที่อยู่ในระดับสูงในหลาย ๆ ประเทศ เช่น สหรัฐฯ
และกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป ปัญหาหนี้สาธารณะของกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป ความเสี่ยงจาก
ความผันผวนของค่าเงิน รวมถึงการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลประเทศต่าง ๆ ปัจจัย
เหล่านี้จะกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก และยังส่งผลให้ตลาดการเงินมีความเสี่ยงต่อภาวะไร้
เสถียรภาพมากขึ้น แต่การขยายตัวที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาจะเป็นปัจจัย
สำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว อัตราเงินเฟ้อ ปี
ว่างงานปี
หลาย ๆ ประเทศทั่วโลก จะทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
และควบคุมปัญหาเงินเฟ้อ
สถานการณ์ราคาน้ำมันโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากต้นปี โดยราคาน้ำมันดิบ
2553 IMF คาดว่าขยายตัวร้อยละ 4.8 และแนวโน้มในปี 2554 คาดว่า4.2 ชะลอตัวเล็กน้อยจากปี 2553 เนื่องจากปัจจัยการค้าโลกที่ฟื้นตัวและการ2554 คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 3.3 และอัตราการ2554 คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 8.0 ทั้งนี้สถานการณ์การเงินโลกธนาคารกลางส่วนใหญ่ของ(Dubai) เฉลี่ย 11
เดือนอยู่ที่
76.83 USD:Barrel และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเนื่องจาก Energy Administration Information (EIA)
คาดการว่าความต้องการใช้น้ำมันในปี
สถานการณ์น้ำมันในตลาดโลกราคาน้ำมันยังคงแกว่งตัวขึ้นลง โดยล่าสุดราคาน้ำมันดิบ
อยู่ที่
ส่วนของเศรษฐกิจไทยในปี
ปี
ขยายตัวจากไตรมาสที่
คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คาดว่า
2554 จะเพิ่มขึ้นประมาณ 1.19 ล้านบาร์เรลต่อวัน สำหรับNYMEX มีราคา89.38 USD/Barrel ราคานํ้ามันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า2553 ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP ในไตรมาสที่ 3 ของ2553 ขยายตัวร้อยละ 6.7 ชะลอลงจากไตรมาสที่ 2 ของปี 2553 ที่ขยายตัวร้อยละ 9.2 และ3 ของปี 2552 ที่หดตัวร้อยละ -2.8 สำหรับเศรษฐกิจไทยทั้งปี 2553 สำนักงานGDP จะขยายตัวร้อยละ 7.9
ในภาคอุตสาหกรรม ในช่วงเดือนมกราคม
จากช่วงเดียวกันของปี
อิเล็กทรอนิกส์ เป็นอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตเพิ่มขึ้น ทั้งนี้คาดว่าทั้งปี
ผลผลิตอุตสาหกรรมจะขยายตัวร้อยละ
จะขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงร้อยละ
- ตุลาคม 2553 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น2552 ร้อยละ 17.5 โดยมีอุตสาหกรรม Hard Disk Drive ยานยนต์ ชิ้นส่วน2553 ดัชนี15-16 และแนวโน้มปี 2554 คาดว่าดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม6 - 8
ด้านสถานการณ์การค้าต่างประเทศของปี
ไทยมีมูลค่าทั้งสิ้น
2553 ในเดือน ม..-.. 2553 นั้นการค้าของ309,087.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ
34.1
โดยเป็นมูลค่าการส่งออกเท่ากับ 160,277.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมูลค่าการนำเข้าเท่ากับ
148,810.0
เพิ่มขึ้นร้อยละ
ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน พบว่ามูลค่าการส่งออก29.2 และมูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 39.8 ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 11,467.5
ii
ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมูลค่าการส่งออกกลับมาขยายตัวและมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา และกระทรวงพาณิชย์คาดว่าการส่งอออกทั้งปี
ร้อยละ
อย่างไรก็ตามจากตัวเลขการส่งออกใน
เหรียญสหรัฐฯ และขยายตัวถึงร้อยละ
การส่งออกของไทยล่าสุด
เป้าหมายที่ตั้งไว้
สหรัฐ ส่วนปี
2553 จะมีขยายตัว20 เมื่อเทียบกับปี 2552 คิดเป็นมูลค่าการส่งออกรวม 183,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่10 เดือนแรกของปี 2553 ที่มีมูลค่ากว่า 160,000 ล้าน29.2 ดังกล่าว กระทรวงพาณิชย์จึงมีการปรับการคาดการณ์( ณ ธันวาคม 2553) โดยคาดว่าการส่งออกทั้งปี 2553 จะสูงกว่า(ร้อยละ 20 ) คือ จะขยายตัวถึงร้อยละ 24-25 คิดเป็นมูลค่า 1.9 แสนล้านเหรียญ2554 คาดว่าการส่งออกจะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 10-15
เมื่อพิจารณาการส่งออกในภาคอุตสาหกรรม
อุตสาหกรรมมีมูลค่า
อยู่ที่ร้อยละ
คาดหมายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะหนุนให้มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมทั้งปีขยายตัวใน
ระดับสูงสุดในรอบ
ปัจจัยที่ทำให้การขยายตัวอยู่ในระดับสูงมากมาจากหลายปัจจัยด้วยกัน ได้แก่ ความต้องการใน
ตลาดโลกที่กลับมาฟื้นตัวมากขึ้น ตามภาวะเศรษฐกิจของตลาดส่งออกสำคัญที่เริ่มกลับมาฟื้นตัว
โดยเฉพาะกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและกลุ่มประเทศในอาเซียน ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากมาตรการ
กระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลประเทศต่างๆ อีกทั้งสต๊อกสินค้าของผู้นำเข้าในประเทศต่างๆ ลดลง ทำ
ให้มีความต้องการซื้อทั้งสินค้าเกษตรและสินค้าอุตสาหกรรม ผลจากการทำข้อตกลงการค้าเสรีกับ
ประเทศต่างๆ รวมถึงฐานที่ต่ำผิดปกติจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกในปี
10 เดือนแรกของปี 2553 การส่งออกสินค้า123,575 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวใกล้เคียงกับการส่งออกในภาพรวมคือ29.97 โดยการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมในช่วงปี 2553 มีอัตราการเติบโตสูงเกินความ14 ปี นับตั้งแต่วิกฤต ต้มยำกุ้งในช่วงปี 2540 ในอัตราเกินกว่าร้อยละ 25 ทั้งนี้2552
สำหรับการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมในปี
ปัญหาความต่อเนื่องของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่การฟื้นตัว
ยังมีแนวโน้มเปราะบาง การใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษ
2554 การส่งออกมีทิศทางชะลอตัวลง จาก(Quantitative Easing Policy)
ของสหรัฐฯรอบที่
การแข็งค่าของเงินในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนารวมถึงประเทศไทย แต่ทั้งนี้ในหลายอุตสาหกรรม
อาทิ ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า การส่งออกยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากปี
อุตสาหกรรมรถยนต์ในปี
รถยนต์ที่จะเป็นตัวผลักดันให้ปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้น คือ รถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล หรืออี
โคคาร์ ในขณะที่ตลาดส่งออก คาดว่ายังสามารถส่งออกรถยนต์ไปในตลาดหลัก เช่น เอเชีย และโอเชีย
เนีย เป็นต้น ได้อย่างต่อเนื่อง2 หรือการการเพิ่มปริมาณเงินดอลลาร์เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอีกครั้งอาจจะกดดัน2553 โดย2554 จะมีการส่งออกได้เกิน 1 ล้านคันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
สิ่งแวดล้อม
โรงงานอุตสาหกรรมริมฝั่งแม่น้ำแยงซีในประเทศจีน
ประเทศจีนมีการวางกฎข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติบางฉบับ เช่น กฎหมายป้องกันสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2522 ซึ่งส่วนใหญ่ยึดแบบมาจากกฎหมายสหรัฐอเมริกา แต่สิ่งแวดล้อมยังคงเสื่อมโทรมลงอย่างต่อเนื่อง[40] ขณะที่ข้อบังคับนั้นค่อนข้างที่จะเข้มงวด แต่การบังคับใช้กฎหมายเหล่านี้ยังคงไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากชุมชนหรือรัฐบาลท้องถิ่นมักจะปล่อยปละละเลยอยู่บ่อยครั้ง ขณะที่มุ่งให้ความสนใจกับการพัฒนาเศรษฐกิจมากกว่า หลังจากกฎหมายมีผลใช้บังคับมานาน 12 ปี มีนครเพียงแห่งเดียวในจีนเท่านั้นที่กำลังมีความพยายามที่จะบำบัดน้ำเสีย
ส่วนหนึ่งของรายจ่ายที่จีนต้องเสียเพื่อแลกกับความเฟื่องฟูที่เพิ่มขึ้นนั้นคือควมเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม ตามข้อมูลของกระทรวงทรัพยากรน้ำ ชาวจีนราว 300 ล้านคนกำลังดื่มน้ำที่ไม่ปลอดภัยสำหรับบริโภค ซึ่งทำให้เกิดวิกฤตการณ์ขาดแคลนน้ำที่กำลังทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น โดยที่ 400 จาก 600 นครทั่วประเทศกำลังขาดแคลนน้ำ
อย่างไรก็ตาม ด้วยเงินกว่า 34,600 ล้านดอลล่าร์สหรัฐที่ลงทุนในเทคโนโลยีสะอาดใน พ.ศ. 2552 ทำให้ประเทศจีนเป็นประเทศผู้นำการลงทุนเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน ประเทศจีนผลิตกังหันลมและแผงสุริยะต่อปีมากที่สุดในโลก

สรุปภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไทย
ปี
 แนวคิดของเหมา เจ๋อ ตุง ทำลายพันธนาการศักดินาและขจัด อิทธิพลของจักรวรรดินิยมได้ในปี ค.. 1950  ต่อมาในช่วงปี ค.. 1953-1957  จีนอยู่ภายใต้แผนเศรษฐกิจ 5 ปี แผนแรก ในช่วงนี้รายได้ประชาชาติเพิ่มโดยเฉลี่ยปีละ 8.9 เปอร์เซ็นต์ มีการลงทุนในอุตสาหกรรมหนัก อาทิ อุตสาหกรรมโลหะ เครื่องจักรไฟฟ้า ถ่านหิน  น้ำมัน และเคมี ต่อมาในปี ค.. 1958-1962 แผนระยะ 5 ปี ฉบับที่ 2 จีนใช้นโยบายกระโดดไปข้างหน้า (Great Leap Forward) การลงทุนยังเป็นอุตสาหกรรมหนักอย่างเดิม แต่ทางเกษตรมีการระดมแรงงานมาสร้างทำนบ เขื่อน  ต่อมาในปี ค.. 1976 หลังการเสียชีวิตของเหมามีการปรับการบริหารเศรษฐกิจ  จีนหันมาสนใจสั่งเทคโนโลยีเข้าจากต่างประเทศ ยกเลิกการปฏิวัติวัฒนธรรม นำระบบโบนัสมาใช้ใหม่ เพิ่มราคาผลผลิตทางเกษตรและเพิ่มค่าจ้างแรงงาน  ในปัจจุบันจีนได้เข้าเป็นสมาชิกของ WTO ได้ผลักดันให้ประเทศมีนโยบายด้านเศรษฐกิจที่ยึดมั่นการกระตุ้นอุปสงค์ของตลาดภายในประเทศ และดำเนินนโยบายการคลังในเชิงรุกเพื่อยึดเป็นยุทธศาสตร์ระยะยาวของประเทศ รวมทั้งรักษาเสถียรภาพของค่าเงินหยวน เร่งปรับโครงสร้างด้านการเกษตรและปฏิรูปชนบทเพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร พัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และอุตสาหกรรมไฮเทค เพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนและเพิ่มมูลค่าของสินค้า











การพัฒนาอุตสาหกรรมของจีน                 เมื่อราวๆ กลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีการวิพากษ์ในหนังสือพิมพ์จีนว่าด้วย การทบทวนและประเมินการพัฒนาอุตสาหกรรมจีนตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 จนปัจจุบัน และเปรียบเทียบกับการพัฒนาอุตสาหกรรมหลังเปิดประเทศปฏิรูปเศรษฐกิจ ซึ่งมีหลากหลายความเห็นที่น่าสนใจที่ไทยอาจต้องศึกษา เพื่อนำมาใช้เป็นประโยชน์ต่อการกำหนดนโยบายหรือยุทธศาสตร์ในการพัฒนาอุตสาหกรรมและการลงทุนของประเทศ
                เนื่องจากประเทศจีนได้เริ่มพัฒนาตามแบบฉบับอุตสาหกรรมใหม่ (ปฏิวัติอุตสาหกรรม
ครั้งที่ 1) ประมาณร้อยกว่าปีที่แล้ว ในช่วงเวลาใกล้เคียงกับประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทย และเกิดการชะงักงันเป็นเวลาหลายสิบปีจวบจนกลางศตวรรษที่ 20 และเกือบหยุดสนิทประมาณ 30 ปี เสร็จแล้วใช้เวลาอีก 20 ปี ในการพัฒนาแบบก้าวกระโดดจนกระทั่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีในหลายๆ ด้านของโลก นักวิชาการจีนดังกล่าวมีความเห็นว่า ที่จีนสามารถพัฒนาจนเป็นเช่นนี้ เกิดจากกระแสความคิด 2 กระแส
                กระแสแรก จีนได้วางพื้นฐานอุตสาหกรรมหนักไว้ตั้งแต่ต้นและไม่เคยละทิ้ง เช่น อุตสาหกรรมเหล็ก เครื่องจักรกล เคมี จึงกลายเป็นพื้นฐานรองรับและประกันการพัฒนา





                กระแสที่สอง ในช่วงที่จีนเปิดประเทศใหม่ๆ ว่าด้วยแนวทางที่จะนำเข้าเทคโนโลยี
สมัยใหม่ มีกลุ่มหนึ่งเห็นคล้อยตามคำแนะนำของประเทศที่พัฒนาแล้วสมัยนั้นว่าควรที่จะพัฒนาตามขั้นตอน เนื่องจากเทคโนโลยีจีนขณะนั้นล้าหลังอยู่มาก จึงเลือกนำเข้าเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในระดับก่อนหน้าสมัยนั้น 5-10 ปี
                ถึงแม้เทคโนโลยีที่จีนใช้ในขณะนั้นจะล้าหลังในสากลโลก แต่ถือว่าทันสมัยมาก






สำหรับจีน ในการผลิตและจำหน่ายในตลาดของจีน ซึ่งรับความนิยมสูงมาก เช่น รถยนต์ จักรยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน ขณะเดียวกัน ก็มีอีกกลุ่มหนึ่งที่เห็นว่า พื้นฐานทางวิชาการและเทคโนโลยีจีน พร้อมอยู่แล้ว จึงเลือกที่จะก้าวกระโดดโดยซื้อเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด ณ ขณะ นั้น เช่น ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และการ
สื่อสาร เทคโนโลยีอวกาศ อุตสาหกรรมเหล็ก ปรากฏในภายหลังว่า ทั้งสองกลุ่มได้พบ จุดบรรจบกันในช่วงสิ้นศตวรรษที่ 20 และนำมาซึ่งความร่วมมือในการพัฒนาเทคโนโลยี
และอุตสาหกรรมอีกระลอกดังที่เห็นกันขณะนี้
                ผลและสภาพของการพัฒนาเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมของจีนที่เราได้เห็นทุกวันนี้ นัก
วิชาการจีนส่วนใหญ่มองว่าเป็นผลเกิดจากการปูพื้นฐานทางวิชาการและการพัฒนา อุตสาหกรรมหนักตั้งแต่สมัยแรก กลายเป็นหลักประกันสนับสนุนให้อุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งอุตสาหกรรมเบา เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ ให้พัฒนาอยู่บนขาของตนเอง ไม่ว่าจะ เป็นวัตถุดิบ เช่น เหล็กและโลหะอื่นๆ พลาสติก และเคมี ที่เป็นพื้นฐานนำไปแปรรูป ต่อจนจีนสามารถพึ่งพาตนเองได้ในระดับสูงดังที่เป็นอยู่ และเป็นพื้นฐานในการ พัฒนาเทคโนโลยีและสิทธิบัตรตราสินค้าของตนเอง



ประเทศจีน
ประเทศจีน เป็นประเทศที่รู้ๆกันอยู่นะครับว่าเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรเยอะที่สุดในโลก และ ประเทศจีน ก็เป็นประเทศที่มีการพัฒนาไปไม่เท่ากันด้วยเมืองไหนใน ประเทศจีน ที่มีความเจริญก็จะเจริญแบบผิดหูผิดตา หรือ ประเทศจีน แถบไหนที่ไม่เจริญเลยก็ไม่เจริญจริงๆ ครับยิ่งกว่าจังหวัดในไทยเราบางจังหวัดอีกครับ และ ประเทศจีน เองก็มีการจัดงานมหากรรมหใญ่ๆมากมาย ซึ่ง ประเทศจีน เองก็เป็นเจ้าภาพมาเรื่อยๆมาซึ่งล่าสุดก็เป็นการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมที่กวางโจวนะครับ โดยที่ ประเทศจีน ก็เป็นประเทศที่ได้เป็นเจ้าเหรียญทองตามคาดครับ ประเทศจีน เป็นอะไรที่เป็นที่ 1 จริงๆครับ ผมละยอมเค้าเลย
เมื่อราวๆ กลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีการวิพากษ์ในหนังสือพิมพ์จีนว่าด้วย การทบทวนและประเมินการพัฒนาอุตสาหกรรมจีนตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 จนปัจจุบัน และเปรียบเทียบกับการพัฒนาอุตสาหกรรมหลังเปิดประเทศปฏิรูปเศรษฐกิจ ซึ่งมีหลากหลายความเห็นที่น่าสนใจที่ไทยอาจต้องศึกษา เพื่อนำมาใช้เป็นประโยชน์ต่อการกำหนดนโยบายหรือยุทธศาสตร์ในการพัฒนาอุตสาหกรรมและการลงทุนของประเทศ
เนื่องจากประเทศจีนได้เริ่มพัฒนาตามแบบฉบับอุตสาหกรรมใหม่ (ปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 1) ประมาณร้อยกว่าปีที่แล้ว ในช่วงเวลาใกล้เคียงกับประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทย และเกิดการชะงักงันเป็นเวลาหลายสิบปีจวบจนกลางศตวรรษที่ 20 และเกือบหยุดสนิทประมาณ 30 ปี เสร็จแล้วใช้เวลาอีก 20 ปี ในการพัฒนาแบบก้าวกระโดดจนกระทั่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีในหลายๆ ด้านของโลก นักวิชาการจีนดังกล่าวมีความเห็นว่า ที่จีนสามารถพัฒนาจนเป็นเช่นนี้ เกิดจากกระแสความคิด 2 กระแส
กระแสแรก จีนได้วางพื้นฐานอุตสาหกรรมหนักไว้ตั้งแต่ต้นและไม่เคยละทิ้ง เช่น อุตสาหกรรมเหล็ก เครื่องจักรกล เคมี จึงกลายเป็นพื้นฐานรองรับและประกันการพัฒนา
กระแสที่สอง ในช่วงที่จีนเปิดประเทศใหม่ๆ ว่าด้วยแนวทางที่จะนำเข้าเทคโนโลยีสมัยใหม่ มีกลุ่มหนึ่งเห็นคล้อยตามคำแนะนำของประเทศที่พัฒนาแล้วสมัยนั้นว่า ควรที่จะพัฒนาตามขั้นตอน เนื่องจากเทคโนโลยีจีนขณะนั้นล้าหลังอยู่มาก จึงเลือกนำเข้าเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในระดับก่อนหน้าสมัยนั้น 5-10 ปี
ถึงแม้เทคโนโลยีที่จีนใช้ในขณะนั้นจะล้าหลังในสากลโลก แต่ถือว่าทันสมัยมากสำหรับจีน ในการผลิตและจำหน่ายในตลาดของจีน ซึ่งรับความนิยมสูงมาก เช่น รถยนต์ จักรยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน
ขณะเดียวกัน ก็มีอีกกลุ่มหนึ่งที่เห็นว่า พื้นฐานทางวิชาการและเทคโนโลยีจีนพร้อมอยู่แล้ว จึงเลือกที่จะก้าวกระโดดโดยซื้อเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด ณ ขณะนั้น เช่น ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และการสื่อสาร เทคโนโลยีอวกาศ อุตสาหกรรมเหล็ก ปรากฏในภายหลังว่า ทั้งสองกลุ่มได้พบจุดบรรจบกันในช่วงสิ้นศตวรรษที่ 20 และนำมาซึ่งความร่วมมือในการพัฒนาเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมอีกระลอกดังที่เห็นกันขณะนี้
ผลและสภาพของการพัฒนาเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมของจีนที่เราได้เห็นทุกวันนี้ นักวิชาการจีนส่วนใหญ่มองว่าเป็นผลเกิดจากการปูพื้นฐานทางวิชาการและการพัฒนาอุตสาหกรรมหนักตั้งแต่สมัยแรก กลายเป็นหลักประกันสนับสนุนให้อุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งอุตสาหกรรมเบา เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ ให้พัฒนาอยู่บนขาของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบ เช่น เหล็กและโลหะอื่นๆ พลาสติก และเคมี ที่เป็นพื้นฐานนำไปแปรรูปต่อจนจีนสามารถพึ่งพาตนเองได้ในระดับสูงดังที่เป็นอยู่ และเป็นพื้นฐานในการพัฒนาเทคโนโลยีและสิทธิบัตรตราสินค้าของตนเอง

พัฒนาอุตสาหกรรมของจีนในปัจจุบันที่ เราควรรู้ ว่าความเป็นจริง โลกของจีน ใหญ่ขนาดใหน
เมื่อราวๆ กลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีการวิพากษ์ในหนังสือพิมพ์จีนว่าด้วย การทบทวนและประเมินการพัฒนาอุตสาหกรรมจีนตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 จนปัจจุบัน และเปรียบเทียบกับการพัฒนาอุตสาหกรรมหลังเปิดประเทศปฏิรูปเศรษฐกิจ ซึ่งมีหลากหลายความเห็นที่น่าสนใจที่ไทยอาจต้องศึกษา เพื่อนำมาใช้เป็นประโยชน์ต่อการกำหนดนโยบายหรือยุทธศาสตร์ในการพัฒนาอุตสาหกรรมและการลงทุนของประเทศ




เนื่องจากประเทศจีนได้เริ่มพัฒนาตามแบบฉบับอุตสาหกรรมใหม่ (ปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 1) ประมาณร้อยกว่าปีที่แล้ว ในช่วงเวลาใกล้เคียงกับประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทย และเกิดการชะงักงันเป็นเวลาหลายสิบปีจวบจนกลางศตวรรษที่ 20
และเกือบหยุดสนิทประมาณ 30 ปี เสร็จแล้วใช้เวลาอีก 20 ปี ในการพัฒนาแบบก้าวกระโดดจนกระทั่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีในหลายๆ ด้านของโลก
นักวิชาการจีนดังกล่าวมีความเห็นว่า ที่จีนสามารถพัฒนาจนเป็นเช่นนี้ เกิดจากกระแสความคิด 2 กระแส
กระแสแรก จีนได้วางพื้นฐานอุตสาหกรรมหนักไว้ตั้งแต่ต้นและไม่เคยละทิ้ง เช่น อุตสาหกรรมเหล็ก เครื่องจักรกล เคมี จึงกลายเป็นพื้นฐานรองรับและประกันการพัฒนา
กระแสที่สอง ในช่วงที่จีนเปิดประเทศใหม่ๆ ว่าด้วยแนวทางที่จะนำเข้าเทคโนโลยีสมัยใหม่ มีกลุ่มหนึ่งเห็นคล้อยตามคำแนะนำของประเทศที่พัฒนาแล้วสมัยนั้นว่า ควรที่จะพัฒนาตามขั้นตอน เนื่องจากเทคโนโลยีจีนขณะนั้นล้าหลังอยู่มาก จึงเลือกนำเข้าเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในระดับก่อนหน้าสมัยนั้น 5-10 ปี
ถึงแม้เทคโนโลยีที่จีนใช้ในขณะนั้นจะล้าหลังในสากลโลก แต่ถือว่าทันสมัยมากสำหรับจีน ในการผลิตและจำหน่ายในตลาดของจีน ซึ่งรับความนิยมสูงมาก เช่น รถยนต์ จักรยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน
ขณะเดียวกัน ก็มีอีกกลุ่มหนึ่งที่เห็นว่า พื้นฐานทางวิชาการและเทคโนโลยีจีนพร้อมอยู่แล้ว จึงเลือกที่จะก้าวกระโดดโดยซื้อเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด ณ ขณะนั้น เช่น ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และการสื่อสาร เทคโนโลยีอวกาศ อุตสาหกรรมเหล็ก ปรากฏในภายหลังว่า ทั้งสองกลุ่มได้พบจุดบรรจบกันในช่วงสิ้นศตวรรษที่ 20 และนำมาซึ่งความร่วมมือในการพัฒนาเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมอีกระลอกดังที่เห็นกันขณะนี้
ผลและสภาพของการพัฒนาเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมของจีนที่เราได้เห็นทุกวันนี้ นักวิชาการจีนส่วนใหญ่มองว่าเป็นผลเกิดจากการปูพื้นฐานทางวิชาการและการพัฒนาอุตสาหกรรมหนักตั้งแต่สมัยแรก กลายเป็นหลักประกันสนับสนุนให้อุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งอุตสาหกรรมเบา เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ ให้พัฒนาอยู่บนขาของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบ เช่น เหล็กและโลหะอื่นๆ พลาสติก และเคมี ที่เป็นพื้นฐานนำไปแปรรูปต่อจนจีนสามารถพึ่งพาตนเองได้ในระดับสูงดังที่เป็นอยู่ และเป็นพื้นฐานในการพัฒนาเทคโนโลยีและสิทธิบัตรตราสินค้าของตนเอง









นโยบายทางชนชาติของจีน

จีนเป็นประเทศเอกภาพที่มีหลายชนชาติ รัฐบาลจีนดำเนินนโยบายทางชนชาติที่ให้ ชนชาติต่าง ๆ มีความเสมอภาค สมานสามัคคีและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เคารพและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนาและขนบธรรมเนียมของชนชาติส่วนน้อยระบบปกครองตนเองในเขตชนชาติส่วนน้อยเป็นระบบการเมืองอันสำคัญอย่างหนึ่งของจีน คือ ให้ท้องที่ที่มีชนชาติส่วนน้อยต่าง ๆ อยู่รวม ๆ กันใช้ระบบปกครองตนเอง ตั้งองค์กรปกครองตนเองและใช้สิทธิอำนาจปกครองตนเอง ภายใต้การนำที่
เป็นเอกภาพ ของรัฐ รัฐประกันให้ท้องที่ที่ปกครองตนเองปฏิบัติตามกฎหมายและนโยบายของรัฐตามสภาพที่เป็นจริงในท้องถิ่นของตน ฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ระดับต่าง ๆ บุคลากรทางวิชาการและ กรรมกรทางเทคนิคชนิดต่าง ๆ ของชนชาติส่วนน้อยเป็นจำนวนมาก ประชาชน ชนชาติต่าง ๆ ในท้องที่ที่ปกครองตนเองกับประชาชนทั่วปแระเทศรวมศูนย์กำลังดำเนิน การสร้างสรรค์สังคมนิยมที่ทันสมัย เร่งพัฒนาเศรษฐกิจและวัฒนธรรมในท้องที่ที่ ปก ครองตนเองให้เร็วขึ้นและสร้างสรรค์ท้องที่ที่ปกครองตนเองของชนชาติส่วนน้อยที่สมานสามัคคีกันและเจริญรุ่งเรือง ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
ระหว่างการปฏิบัติเป็นเวลาหลายสิบปี พรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งเป็นพรรครัฐบาล ของจีนได้ก่อรูปขึ้นซึ่งทรรศนะและนโยบายพื้นฐานเกี่ยวกับปัญหาทางชนชาติหลายประการที่สำคัญได้แก่
การกำเนิด การพัฒนาและการสูญสลายของชนชาตินั้นเป็นกระบวนการทาง ประวัติศาสตร์อันยาวนาน ปัญหาชนชาติจะดำรงอยู่เป็นเวลานาน
ระยะสังคมนิยมเป็นระยะที่ชนชาติต่าง ๆ ร่วมกันพัฒนาและเจริญรุ่งเรือง ปัจจัย ร่วมกันระหว่างชนชาติต่าง ๆ จะเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ลักษณะพิเศษและข้อ แตกต่างระหว่างชนชาติต่าง ๆ จะดำรงอยู่ต่อไป
ปัญหาชนชาติเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาทั่วสังคม มีแต่แก้ปัญหาทั่วสังคมให้ลุล่วง ไปเท่านั้น ปัญหาทางชนชาติจึงจะได้รับการแก้ไขอย่างมีขั้นตอน มีแต่ในภารกิจร่วมกัน ที่สร้างสรรค์สังคมนิยมเท่านั้น ปัญหาทางชนชาติของจีนในปัจจุบันจึงจะได้รับการ แก้ไขอย่างมีขั้นตอนได้
ชนชาติต่าง ๆ ไม่ว่ามีประชากรมากหรือน้อย มีประวัติยาวหรือสั้นและมีระดับ การพัฒนาสูงหรือต่ำ ต่างก็เคยสร้างคุณูปการเพื่ออารยธรรมของปิตุภูมิ จึงควรมีความ เสมอภาคทั้งนั้น ควรเสริมสร้างความสามัคคีอันยิ่งใหญ่ระหว่างประชาชนชนชาติต่าง ๆ ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นและรักษาเอกภาพแห่งชาติ
การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างขนานใหญ่เป็นภาระหน้าที่มูลฐานแห่งสังคมนิยม และก็ เป็นภาระหน้าที่มูลฐานของงานชนชาติของจีนในขั้นตอนปัจจุบัน ชนชาติต่าง ๆ ต้องช่วย เหลือซึ่งกันและกันเพื่อบรรลุซึ่งความก้าวหน้าและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน
การปกครองตนเองในเขตชนชาติส่วนน้อยเป็นคุณูปการอันยิ่งใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่มีต่อทฤษฎีชนชาติของลัทธิมาร์กซ และเป็นระบอบมูลฐานในการแก้ปัญหาชนชาติของจีนการพยายามสร้างขบวนเจ้าหน้าที่ชนชาติส่วนน้อยขนาดใหญ่ขนาดหนึ่งที่มีทั้งคุณธรรม และขีดความสามารถเป็นหน้าที่ที่สำคัญที่สุดในการทำงานทางชนชาติให้ดีและแก้ปัญหาทางชนชาติให้ลุล่วงไปปัญหาทางชนชาติกับปัญหาทางศาสนามักจะผสมผสานอยู่ด้วยกันในท้องที่บาง แห่ง ขณะจัดการกับปัญหาทางชนชาติ ยังต้องสังเกตปฏิบัติตามนโยบายทางศาสนา ของรัฐอย่างทั่วด้านและถูกต้องนอกจากนี้ ในขณะเดียวกันกับที่พยายามส่งเสริมความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม การศึกษาตลอดจนภารกิจอื่นๆ ของเขตชนชาติส่วนน้อย ยกระดับชีวิตทาง วัตถุและวัฒนธรรมของประชาชนชนชาติส่วนน้อยอันไพศาลซึ่งรวมทั้งชาวศาสนาด้วยให้สูงขึ้น รัฐบาลจีนยังสนใจเคารพความ
เชื่อถือทางศาสนาของชนชาติส่วนน้อยและรักษา มรดกทางวัฒนธรรมของชนชาติส่วนน้อยเป็นพิเศษ สำรวจ เก็บสะสม ศึกษา จัดให้เป็น ระเบียบและจัดพิมพ์จำหน่ายมรดกทางวัฒนธรรมและศิลปะพื้นเมืองของชนชาติต่าง ๆ ซึ่งรวมทั้งวัฒนธรรมทางศาสนาด้วย รัฐบาลยังได้ลงทุนเป็นจำนวนมากเพื่อซ่อมแซม วัดวาอารามและสิ่งปลูกสร้างทางศาสนาอันสำคัญที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมในเขตชนชาติส่วนน้อย






ลำดับขั้นตอนในการพัฒนายุคปัจจุบันของประเทศจีน
การแบ่งเขตการปกครอง
สาธารณรัฐประชาชนจีนมีอำนาจการปกครองเหนือ 22 มณฑล และถือว่าไต้หวันเป็นมณฑลที่ 23 ของตน ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีอำนาจการปกครองเหนือไต้หวันซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้การปกครองของสาธารณรัฐจีน การอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนของสาธารณรัฐประชาชนจีนถูกคัดค้านโดยสาธารณรัฐจีน นอกจากนี้ยังแบ่งเขตการปกครองเป็นเขตปกครองตนเอง 5 แห่ง แต่ละแห่งมีชื่อตามชนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่นั้น เทศบาลนคร 4 แห่ง และเขตบริหารพิเศษ 2 แห่ง ซึ่งมีสิทธิ์ปกครองตนเองอยู่ในระดับหนึ่ง ดินแดนเหล่านี้อาจถูกเรียกรวมกันว่า "จีนแผ่นดินใหญ่" ซึ่งมักยกเว้นฮ่องกงและมาเก๊า
เศรษฐกิจ




ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งประเทศในปี พ.ศ. 2492 จนถึงปลาย พ.ศ. 2521 สาธารณรัฐประชาชนจีนใช้ระบบเศรษฐกิจแบบวางแผนจากส่วนกลางเหมือนโซเวียต ไม่มีภาคเอกชนหรือระบอบทุนนิยม เหมา เจ๋อตง เริ่มใช้นโยบายก้าวกระโดดไกล เพื่อผลักดันประเทศให้กลายเป็นสังคมคอมมิวนิสต์ที่ทันสมัยและก้าวหน้าทางอุตสาหกรรม แต่นโยบายนี้กลับถูกมองว่าเป็นความล้มเหลวทั้งทางเศรษฐกิจและมนุษยธรรม[59] หลังจากที่เหมาเสียชีวิตและสิ้นสุดการปฏิวัติทางวัฒนธรรม เติ้ง เสี่ยวผิง และผู้นำจีนรุ่นใหม่ได้เริ่มปฏิรูปเศรษฐกิจและใช้ระบอบเศรษฐกิจแบบผสมที่ให้ความสำคัญกับทุนนิยมมากขึ้น


ตั้งอยู่ในเอเชียตะวันออก บนฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก มีพื้นที่ดินประมาณ 9.6 ล้านตารางกิโลเมตร เป็นประเทศที่มีพื้นที่บนบกมากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลก และถูกพิจารณาว่ามีพื้นที่ทั้งหมดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 หรือ 4 ของโลก ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับข้อมูลขนาดนี้เกี่ยวข้องกับ (ก) ความถูกต้องของการอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนของจีน อย่างเช่น อัคสัยจินและดินแดนทรานส์คอราคอรัม (ซึ่งอินเดียอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนทั้งสองด้วยเช่นกัน) และ (ข) วิธีการคำนวณขนาดทั้งหมดโดยสหรัฐอเมริกา ซึ่งหนังสือความจริงของโลกระบุไว้ที่ 9,826,630 กม.และสารานุกรมบริตานิการะบุไว้ที่ 9,522,055 กม.สถิติพื้นที่นี้ยังไม่นับรวมดินแดน 1,000 ตารางกิโลเมตรซึ่งผนวกเข้ากับสาธารณรัฐประชาชนจีนโดยรัฐสภาทาจิกิสถานเมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2554 ซึ่งยุติข้อพิพาทด้านดินแดนที่ยาวนานนับศตวรรษ
ประเทศจีนมีอาณาเขตติดต่อกับ 14 ประเทศ มากกว่าประเทศอื่นใดในโลก (เท่ากับรัสเซีย) เรียงตามเข็มนาฬิกาได้แก่ เวียดนาม ลาว พม่า อินเดีย ภูฏาน เนปาล ปากีสถาน อัฟกานิสถาน ทาจิกิสถาน คีร์กีซสถาน คาซัคสถาน รัสเซีย มองโกเลีย
และเกาหลีเหนือ นอกเหนือจากนี้ พรมแดนระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนกับสาธารณรัฐจีนตั้งอยู่ในน่านน้ำอาณาเขต ประเทศจีนมีพรมแดนทางบกยาว 22,117 กิโลเมตร ซึ่งยาวที่สุดในโลก
ดินแดนจีนตั้งอยู่ระหว่างละติจูด 18° และ 54° เหนือ และลองติจูด 73° และ 135° ตะวันออก ประกอบด้วยลักษณะภูมิภาพหลายแบบ ทางตะวันออก ตามแนวชายฝั่งที่ติดกับทะเลเหลืองและทะเลจีนตะวันออก เป็นที่ราบลุ่มตะกอนน้ำพาซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่กันอย่างหนาแน่นและกว้างขวาง ขณะที่ตามชายขอบของที่ราบสูงมองโกเลียในทางตอนเหนือนั้นเป็นทุ่งหญ้า ตอนใต้ของจีนนั้นเป็นดินแดนหุบเขาและแนวเทือกเขาระดับต่ำเป็นจำนวนมาก ทางตอนกลาง-ตะวันตกนั้นเป็นสามเหลี่ยมปากแม่น้ำของแม่น้ำสองสายหลักของจีน ได้แก่ แม่น้ำฮวงโหและแม่น้ำแยงซี ส่วนแม่น้ำอื่นที่สำคัญของจีนได้แก่ แม่น้ำซี แม่น้ำโขง แม่น้ำพรหมบุตร และแม่น้ำอามูร์ ทางตะวันตกนั้น เป็นเทือกเขาสำคัญ ที่โดดเด่นคือ เทือกเขาหิมาลัย ซึ่งมีจุดสูงสุดของจีนอยู่ทางครึ่งตะวันออกของยอดเขาเอเวอร์เรสต์ และที่ราบสูงอยู่ท่ามกลางภูมิภาพแห้งแล้ง อย่างเช่น ทะเลทรายทาคลามากันและทะเลทรายโกบี
ประเด็นปัญหาใหญ่ประการหนึ่งคือการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของทะเลทราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทะเลทรายโกบี ถึงแม้ว่าแนวต้นไม้กำบั้งซึ่งปลูกไว้ตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1970 จะช่วยลดความถี่ของการเกิดพายุทรายขึ้นได้ แต่ภัยแล้งที่ยาวนานขึ้นและวิธีการทางเกษตรกรรมที่เลวส่งผลทำให้เกิดพายุฝุ่นขึ้นทางตอนเหนือของจีนทุกฤดูใบไม้ผลิ จากนั้นจึงแพร่กระจายต่อไปยังส่วนอื่นของเอเชียตะวันออก รวมทั้งเกาหลีและญี่ปุ่น ตามข้อมูลของสำนักงานสิ่งแวดล้อมจีน (SEPA) ประเทศจีนกำลังกลายสภาพเป็นทะเลทรายราว 4,000 กม.2 ต่อปีน้ำ การกัดเซาะ และการควบคุมมลพิษได้กลายมาเป็นประเด็นที่สำคัญในความสัมพันธ์ของจีนกับต่างประเทศ ธารน้ำแข็งที่กำลังละลายในเทือกเขาหิมาลัยยังได้นำไปสู่การขาดแคลนน้ำในประชากรจีนนับหลายร้อยล้านคน
ประเทศจีนมีสภาพภูมิอากาศส่วนใหญ่เป็นฤดูแล้งและฤดูมรสุมชื้น ซึ่งทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิในฤดูหนาวและฤดูร้อน ในฤดูหนาว ลมทางเหนือซึ่งพัดลงมาจากละติจูดสูงทำให้เกิดความหนาวเย็นและแห้งแล้ง ขณะที่ในฤดูร้อน ลมทางใต้ซึ่งพัดมาจากพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่ละติจูดต่ำจะอบอุ่นและชุ่มชื้น ลักษณะภูมิอากาศในจีนแตกต่างกันมากในแต่ละพื้นที่ เนื่องจากภูมิลักษณ์อันกว้างขวางและซับซ้อนของประเทศ
ภูมิศาสตร์

การเมือง
ประเทศจีนถูกพิจารณาโดยนักรัฐศาสตร์หลายคนว่าเป็นหนึ่งในห้ารัฐคอมมิวนิสต์สุดท้าย (เช่นเดียวกับเวียดนาม เกาหลีเหนือ ลาว และคิวบา)แต่การอธิบายลักษณะอย่างเรียบง่ายของโครงสร้างการเมืองของสาธารณรัฐประชาชนจีนไม่อาจเป็นไปได้อีกตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา รัฐบาลจีนได้ถูกอธิบายอย่างแพร่หลายว่าเป็นคอมมิวนิสต์และสังคม
นิยม แต่ยังรวมไปถึงเผด็จการเบ็ดเสร็จ ซึ่งยังคงเหลือการควบคุมอย่างหนักในหลายพื้นที่ ที่มีชื่อเสียงได้แก่ อินเทอร์เน็ต สื่อ เสรีภาพในการแสดงออก สิทธิอนามัยเจริญพันธุ์ และเสรีภาพในการนับถือศาสนา
เมื่อเทียบกับนโยบายปิดประเทศซึ่งดำเนินมาจนถึงกลางคริสต์ทศวรรษ 1970 แล้ว การเปิดเสรีในสาธารณรัฐประชาชนจีนส่งผลทำให้บรรยากาศการบริหารประเทศลดระดับการจำกัดควบคุมลงกว่าแต่ก่อน แต่ก็ยังห่างจากเสรีประชาธิปไตยหรือสังคมประชาธิปไตยซึ่งเกิดขึ้นในยุโรปหรืออเมริกาเหนือส่วนใหญ่ และสภาประชาชนแห่งชาติ (หน่วยงานสูงสุดของรัฐ) ถูกอธิบายว่าเป็นหน่วยงาน "ประทับตรายาง"ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน หู จิ่นเทา ซึ่งยังเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน และนายกรัฐมนตรี เวิน เจียเป่า ผู้ซึ่งยังเป็นกรมการเมืองถาวรแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน
มหาศาลาประชาชนในปักกิ่ง ที่ประชุมของสภาประชาชนแห่งชาติ
ประเทศอยู่ภายใต้การปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งอำนาจของพรรคนั้นอยู่ภายใต้บัญญัติของรัฐธรรมนูญจีน ระบบการเมืองนั้นเป็นแบบกระจายอำนาจออกจากศูนย์กลางอย่างมาก โดยมีกระบวนการประชาธิปไตยที่จำกัดมากภายในพรรคและในระดับหมู่บ้าน ถึงแม้ว่าการทดลองเหล่านี้จะถูกทำให้เสียหายโดยการฉ้อราษฎร์บังหลวง ประเทศจีนมีพรรคการเมืองอื่นอยู่บางพรรค ซึ่งถูกกล่าวถึงในประเทศว่าเป็นพรรคประชาธิปไตย ซึ่งมีส่วนร่วมในสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) และสภาที่ปรึกษาทางการเมืองของจีน (CPPCC)
ขณะนี้มีการผลักดันบางอย่างเพื่อให้เกิดเสรีทางการเมือง โดยมีการเลือกตั้งที่มีการคัดค้านอย่างเปิดเผยในระดับหมู่บ้านและเมือง และในสภานิติบัญญัติก็ได้แสดงให้เห็นการยืนยันความคิดในบางครั้ง อย่างไรก็ตาม พรรคคอมมิวนิสต์ยังคงควบคุมเหนือการแต่งตั้งรัฐบาลอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากการไม่มีคู่แข่งที่มีความหมาย พรรคคอมมิวนิสต์จึงชนะการเลือกตั้งอย่างขาดลอยเกือบจะทุกครั้ง ความกังวลทางการเมืองในประเทศจีนรวมไปถึงการลดช่องว่างที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างคนรวยกับคนจน และการต่อสู้การฉ้อราษฎร์บังหลวงในหมู่ผู้นำรัฐบาลระดับการให้การสนับสนุนรัฐบาลและการบริหารจัดการในประเทศจีนนับว่าสูงที่สุดแห่งหนึ่งในโลก โดยมีประชากรถึง 86% แสดงความพึงพอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นภายในประเทศ และเศรษฐกิจของชาติตามการสำรวจของสำนักวิจัยพิวเมื่อปี พ.ศ. 2551





เหล็กราคาถูกจีน กลืนแหลกทั่วโลก



       เอ๊กเซอร์เรย์อุตสาหกรรมเหล็กใน ประเทศออกอาการหนาวสุดขั้ว หลังเจอแรงกระแทกจากพี่เบิ้มจีนระบายสต๊อกถล่มตลาดโลก จับตาหลังตรุษจีนราคาจะอ่อนตัวลงเต็มที่ ผู้ผลิตบางรายเริ่มเผชิญภาวะขาดทุน ตัดสินใจลดกำลังผลิตลงเหลือ60% ด้าน\\"สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง\\" ยอมรับกำลังสู้อยู่กับทุนนอก

นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล รองกรรมการผู้จัดการบริษัท สยามยูไนเต็ดสตีล (1995)จำกัดหรือSUS ผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดเย็น ที่มีกลุ่มทุนจากบริษัท นิปปอน สตีล คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่นถือหุ้นใหญ่ เปิดเผยกับ\\"ฐานเศรษฐกิจ\\"ถึงสถานการณ์ภาพรวมของอุตสาหกรรมเหล็กในขณะนี้ ว่า ได้รับแรงกระแทกจากจีนสูงมาก เนื่องจากจีนได้มีการระบายสะต๊อกเหล็กจำนวนมาก ออกมาขายในตลาดโลก หลังจากที่มีขนาดกำลังการผลิตเหล็กภายในประเทศเพิ่มขึ้นจากกว่า 230 ล้านตัน/ปี ขึ้นมาเป็น 300 ล้านตัน/ปีในขณะนี้

"การเติบโตดัง กล่าวทำให้ผู้ผลิตเหล็กในภาคพื้นเอเซียได้รับผลกระทบหนักสุด เพราะไม่สามารถแข่งขันในแง่ของราคาขายให้เท่ากับราคาที่จีนขายได้ เนื่องจากต้นทุนด้านวัตถุดิบสูงกว่า อย่างไรก็ตามเวลานี้มองว่าทั้งภูมิภาคเอเซียยังมีความไม่สมดุลเกิดขึ้นในแง่ กำลังการผลิตกับความต้องการใช้ โดยเฉพาะจีนที่มีขนาดกำลังผลิตสูงกว่าความต้องการใช้อยู่ในขณะนี้\\"

รอง กรรมการผู้จัดการบริษัทสยามยูไนเต็ดสตีล (1995) กล่าวต่อว่า คาดว่าหลังเทศกาลตรุษจีนจะมองเห็นชัดเจนว่าอุตสาหกรรมเหล็กในจีนมีการ เคลื่อนไหวอย่างไรต่อไป ทั้งในแง่ราคา ความต้องการใช้และกำลังการผลิตเหล็กโดยรวม ทั้งนี้มั่นใจว่าในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้ ราคาเหล็กจะอยู่ในจุดที่อ่อนตัวลงเต็มที่ เนื่องจากผู้ผลิตหลายรายไม่มีกำไร บางรายอยู่ในภาวะขาดทุน โดยเฉพาะผู้ผลิตในภาคพื้นเอเซียที่เผชิญอยู่กับปัญหาราคาน้ำมันที่พุ่งสูง ขึ้นต่อเนื่อง ฃ

ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมาผู้ประกอบการเหล็กทรง แบน เช่นเหล็กแผ่นรีดร้อน เหล็กแผ่นรีดเย็น และเหล็กทรงยาว เช่นเหล็กเส้น เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ ที่ต้องนำเข้าวัตถุดิบในราคาที่สูงมาสต๊อกไว้ ก่อนหน้านี้ ขณะที่ปัจจุบันราคาวัตถุดิบเช่นบิลเล็ตที่นำไปใช้ในการผลิตเหล็กทรงยาว และสแลป ซึ่งนำไปใช้ในการผลิตเหล็กทรงแบนได้อ่อนตัวลงแล้ว ดังนั้นเมื่อนำมาผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูปกลับไม่สามารถขยับราคาได้เท่ากับ ภาระต้นทุนที่ยังสูงอยู่ในขณะนี้


"เวลานี้ผู้ประกอบการที่ขาย เหล็กในราคาขาดทุนต่อเนื่องจะอยู่ไม่ได้ต้องลดกำลังผลิตลง ขณะที่ผู้ผลิตเหล็กแผ่นที่ใช้กับงานผลิตไฮเอนด์ ส่วนใหญ่ยังอยู่ในฐานะที่แข่งขันได้ แต่เหล็กคุณภาพทั่วไปจะแข่งขันยากขึ้นเพราะมีผู้เล่นจำนวนมาก \\"

แหล่ง ข่าวจากกลุ่มผู้ผลิตเหล็กแผ่นรายหนึ่งกล่าวเสริมว่า เวลานี้ผู้ผลิตเหล็กจากทั่วโลกต่างเฝ้าดูอาการของจีนอยู่ เพราะมีบทบาทต่อตลาดมาก และเวลานี้ราคาเหล็กในจีนอยู่ในภาวะที่ราคาตกต่ำที่สุดในโลก

ยก ตัวอย่างราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนไต่ระดับอยู่ที่ 350-420 กว่าดอลลาร์สหรัฐ/ตัน เหล็กแผ่นรีดเย็นราคา เฉลี่ยอยู่ที่ 450-500กว่าดอลลาร์สหรัฐ/ตัน เปรียบเทียบกับราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนในประเทศไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 600 ดอลลาร์สหรัฐ/ตันขึ้นไป ขณะที่เหล็กแผ่นรีดเย็นยืนอยู่ที่ 550-750 ดอลาร์สหรัฐ ซึ่งราคาสูงกว่าเหล็กที่ผลิตจากจีน

"ที่ผ่านมา บริษัทได้ลดกำลังการผลิตเหล็กแผ่นลงเหลือ 60% จากที่ผลิตได้เต็มที่ 2.3 ล้านตัน/ปี เนื่องจากลูกค้าหันไปนำเข้าจากประเทศต่างๆโดยเฉพาะจีนแทนเพราะซื้อได้ราคา ถูกกว่า ทำให้ในปี2548ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันมีการนำเข้ามากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เหล็กแผ่นรีดเย็นที่มีการนำเข้ามาประมาณ 2แสนตัน/ปี ขณะที่เหล็กแผ่นรีดร้อนในประเทศมีกำลังการผลิตเต็มอยู่ที่ประมาณ 2ล้าน ตัน แต่ปีที่แล้วผลิตเพียง 1.5 ล้านตัน เทียบกับความต้องการใช้ในประเทศอยู่ที่ 1.8-2 ล้านตัน/ปี ซึ่งพิจารณาแล้วกำลังผลิตในประเทศก็พอดีกับความต้องการใช้ โดยที่ไม่ต้องนำเข้ามา แต่ขณะนี้ผู้บริโภคหันไปพึ่งพาการนำเข้าส่วนหนึ่งและอยู่ในปริมาณที่มาก ขึ้น\.ฦ


อุตสาหกรรมจีน น่ากลัวจริงหรือ ดูจะๆๆ

เหล็กเส้น

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

เหล็กข้ออ้อย
เหล็กเส้น หรือ เหล็กเสริม สำหรับงานคอนกรีตเสริมเหล็กและงานก่ออิฐทั่วไป โดยใช้ในการเพิ่มความสามารถในการรับแรงกับโครงสร้าง

[แก้] ชนิด

โดยปกติจะแบ่งเหล็กเสริมเป็นสองประเภท คือ
  1. เหล็กกลมผิวเรียบ SR24 มีกำลังรับแรงดึงที่จุดครากไม่น้อยกว่า 2400 ksc.(กก./ตร.ซม.) มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดต่างๆ เช่น RB6 (หมายถึง Round Bar ขนาด ศก.6 มม.), RB9, RB12, RB15, RB19, RB25 เนื่องจากผิวเหล็กที่มีลักษณะกลมเรียบจึงทำให้แรงยึดเหนี่ยวระหว่างเหล็กกับคอนกรีตไม่ดีจึงต้องมีการงอขอเพื่อที่จะสามารถถ่ายแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  2. เหล็กข้ออ้อย SD30, SD40, SD50 มีกำลังรับแรงดึงที่จุดครากไม่น้อยกว่า 3000, 4000, 5000 ksc.ตามลำดับ โดยปกติจะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง เช่น DB10(หาในตลาดทั่วไปยาก), DB12(หมายถึง Deformed Bar ขนาด ศก.12มม.), DB16, DB20, DB25, DB28, DB32 ผิวของเหล็กเส้นจะมีลักษณะเป็นปล้องเพื่อเพิ่มแรงยึดเหนี่ยวให้เหล็กกับคอนกรีตมากขึ้น
การเลือกใช้ชนิดของเหล็กเส้นข้ออ้อย SD30, SD40, และ SD50 ขึ้นอยู่กับชนิดของโครงสร้างเป็นสำคัญ ลักษณะของเหล็กเ้ส้นข้ออ้อยที่ดี ต้องมีระยะบั้งที่เท่ากันและสม่ำเสมอตลอดทั้งเส้น ไม่มีสนิมรอยตำหนิ ไม่มีรอยปริและแตกร้าว [1] ความยาวโดยปกติที่ขายกันในท้องตลาด คือ 10 ม. แต่อาจจะสั่งพิเศษ เช่น 12 ม. หรือมากกว่านั้นก็ต้องสั่งทำพิเศษ

[แก้] มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ม.อ.ก.)

ลวดผูกเหล็ก-มีสีดำ ขนาดเดียว คือเบอร์18 เส้นผ่าศูนย์กลาง 1.24 mm. ต้านทานแรงดึงสูงสุด 3000ksc ทนการบิดได้อย่างน้อย 75 รอบ

ประเทศจีน ผลิตเหล็กหล่อหลายประเภท เช่นกัน
 เหล็กหล่อ (Cast Iron)
เหล็กหล่อเป็นเหล็กที่ผลิตจากเหล็กดิบสีเทา (Gray Pig Iron)ที่ได้จากเตาสูง (Blast Furnace) มาหลอมหรือถลุงใหม่ในเตาคิวโปลา เตาแอร์เฟอร์เนซ หรือเตาไฟฟ้า ถ้าพิจารณาดูจาก Iron-carbon Equilibrium Diagram แล้วจะเห็นว่าเหล็กหล่อมีปริมาณธาตุคาร์บอนผสมอยู่ประมาณ 2% - 6.67% ส่วนเหล็กกล้ามีปริมาณธาตุคาร์บอนผสมอยู่ประมาณ 0.008% - 2%เท่านั้น แต่ทางปฏิบัติแล้วเหล็กหล่อจะมีปริมาณธาตุคาร์บอนผสมอยู่ประมาณ 2.5% – 4% ถ้ามีมากกว่านั้นจะขาดคุณสมบัติความความเหนียว (Ductility) จะเปราะและแตกหักง่ายเมื่อถูกแรงกระแทกปกติ
ข้อเปรียบเทียบระหว่างเหล็กหล่อกับเหล็กกล้า


เหล็กหล่อ (Cast Iron)
เหล็กกล้า (Steel)
1.มีปริมาณคาร์บอน 2% - 6.67%
1.มีปริมาณคาร์บอน 0.008% - 2%
2.มีจุดหลอมเหลวประมาณ 1150 – 1250 °C
2.มีจุดหลอมเหลวประมาณ 1539 °C
3.อัตราการขยายตัวต่ำ
3.อัตราการขยายตัวสูง
4.รับแรงอัดดี รับแรงดึงได้น้อย
4.รับแรงอัดดี รับแรงดึงได้มาก
5.มีความแข็งแรงปานกลาง
5.มีความแข็งแรงปานกลาง - สูง
6.ราคาถูกประหยัดเชื้อเพลิงในการถลุง
6.ราคาแพงใช้เชื้อเพลิงในการถลุงมาก


การถลุงเหล็กหล่อ
ในการถลุงเหล็กหล่อจะมีวัตถุดิบที่สำคัญคือ
- เหล็กดิบสีเทา (Gray Pig Iron)
- ถ่านโค้ก (Coke)
- หินปูน (Limestone)
- เศษเหล็ก
- สารประสมเพิ่มอื่น ๆ
โดยทั่วไปจะนิยมถลุงในเตาคิวโปลา (Cupola) มากกว่าเตาชนิดอื่นเพราะสามารถประหยัดพลังงานและถลุงได้ปริมาณมากกว่า
ขั้นตอนการทำงานของเตาคิวโปลา
1. ติดเตาโดยใช้ถ่านฟืนหรือวัตถุเชื้อเพลิงในครั้งแรกเมื่อติดดีแล้วจึงเติมถ่านโค้กลงไปให้มีปริมาณสูงกว่ารูพ่นลมเล็กน้อยเพราะหากมีปริมาณน้อยเกินไปจะทำให้เหล็กหล่อขาดซิลิคอนและแมงกานีสหรือมีปริมาณมากเกินไปจะทำให้มีกำมะถันในน้ำเหล็กมาก
2. ค่อย ๆ พ่นลมเข้าไปในเตาจนกว่าถ่านโค้กจะติดไฟ แล้วจึงลดปริมาณลมลง
3. เติมหินปูนสลับกับเหล็กดิบและเศษเหล็กสลับกันไปเป็นชั้น ๆ จนเต็ม
4. เมื่อเติมวัตถุดิบจนเต็มแล้วให้ปิดรูน้ำเหล็ก , รูขี้ตะกรันให้หมด แล้วเพิ่มปริมาณกระแสลม ทำให้เกิดความร้อนจนกระทั่งเหล็กหลอมละลาย
5. เมื่อเหล็กหลอมละลายให้เติมวัตถุดิบลงมาเรื่อย ๆ โดยเติมสลับกันเป็น ชั้น ๆ
6. เมื่อเหล็กหลอมละลายจนกระทั่งได้ปริมาณที่ต้องการให้เปิดรูขี้ตะกรันออกก่อนแล้วจึงเปิดรูน้ำเหล็กออกนำเบ้ามารองรับน้ำเหล็ก เพื่อเทลงแบบหล่อที่เตรียมไว้
การแบ่งประเภทของเหล็กหล่อ
เหล็กหล่อสามารถแบ่งตามลักษณะของโครงสร้างการรวมตัวของคาร์บอนเป็นหลักได้ 6 ประเภทคือ
1. เหล็กหล่อสีขาว (White Cast Iron)
2. เหล็กหล่อสีเทาหรือสีดำ (Gray Cast Iron)
3. เหล็กหล่อกราไฟต์กลม (Spheroidal Graphite Cast Iron
   or Nodular Cast Iron )
4. เหล็กหล่อ CGI (Compacted graphite)
5. เหล็กหล่ออบเหนียว (malleable Cast Irons) หรือเหล็กหล่อเหนียว (GT)
6. เหล็กหล่อผสมหรือเหล็กหล่อพิเศษ (Alloy and Special Cast Iron)
เหล็กหล่อสีขาว (White Cast Iron)
เหล็กหล่อสีขาวจะมีเปอร์เซ็นต์คาร์บอนอยู่ปริมาณ 1.7% ขึ้นไปและยังมีธาตุที่ผสมอยู่เช่น กำมะถัน, ซิลิคอน , แมงกานิส และ ฟอสฟอรัส ผลิตได้จากเตาคิวโปล่า  เนื้อเหล็กมีเม็ดเกรนสีขาว โดยการเปลี่ยนแปลงสภาวะของเหล็กหล่อชนิดนี้จะเปลี่ยนสถานะหลอมเหลวไปเป็นสถานะของแข็ง จะทำให้คาร์บอนแทรกตัวเข้าไปอยู่ในเนื้อเหล็ก ไม่อยู่อย่างอิสระเหมือนเหล็กหล่อสีดำ แต่จะรวมกันเนื้อเหล็กในรูปของสารประกอบ ซึ่งมีชื่อทางเคมีว่า เหล็กคาร์ไบด์ หรือทางโลหะวิทยาเรียกลักษณะโครงสร้างแบบนี้ว่า ซีเมนไตต์” (Cementile) โครงสร้างแบบนี้จะทำให้เหล็กมีคุณสมบัติแข็ง , เปราะ, แตกหักง่าย รอยหักจะดูเป็นสีขาวเหมือนเนื้อเหล็กทั่ว ๆ ไป เราจึงเรียกเหล็กหล่อชนิดนี้ว่า เหล็กหล่อสีขาว ตามลักษณะที่ปรากฏบนเนื้อของเหล็กหล่อสีขาว
คุณสมบัติเด่นของเหล็กหล่อสีขาวคือ
1. มีความแข็งสูง นำมากลึง, กัด , เจาะ ,ไสได้จาก
2. มีความเปราะสูง
3. ทนแรงกระแทรกได้น้อย
4. ทนการเสียดสีได้ดี การสึกหรอระหว่างการใช้งานน้อย
การใช้งานจะใช้กับงานที่ทนต่อการเสียดสี แบริ่งลูกปืน , ล้อรถไฟ , ลูกโม่ย่อยหิน ,จานเจียระไนเพชรพลอย
เหล็กหล่อสีเทาหรือสีดำ (Gray Cast Iron)
         เหล็กหล่อชนิดนี้เป็นเหล็กหล่อที่มีส่วนผสม และโครงสร้างใกล้เคียงกับเหล็กดิบ (Pig iron) ที่ถลุงจากเตาสูง (Blast Furnace) เมื่อหักดูเนื้อเหล็กตรงรอยหักจะเห็นเม็ดเกรนเป็นสีเทา แตกต่างกับเหล็กหล่อสีขาวทั้ง มีเปอร์เซ็นต์คาร์บอนที่ใกล้เคียงกัน ประมาณ 3 – 3.5% แต่คาร์บอนจะเกิดขึ้นเนื่องจากเย็นตัวเป็นไปอย่างช้า ๆ ทำให้คาร์บอน ปริมาณส่วนใหญ่จะแยกตัวออกมารวมกันในรูปของคาร์บอนบริสุทธ์เป็นแผ่นหรือเกล็ด (Flakes) ซึ่งเรียกว่า “Graphite” ซึ่งทำให้ดูเป็นสีเทา (แต่ก็ยังมีคาร์บอนบางส่วนรวมตัวในลักษณะสารประกอบในเนื้อเหล็ก (Cementite) เหมือนเหล็กหล่อสีขาว) นอกจากนี้ยังมีธาตุที่ผสมอยู่เช่น ซิลิกอน, แมงกานีส , ฟอสฟอรัส และ กำมะถัน
คุณสมบัติของเหล็กหล่อสีเทา
1. มีความแข็งไม่มากนัก ขึ้นรูปได้ง่าย
2. มีอุณหภูมิหลอมเหลวต่ำ มีความสามารถในการไหลดี หล่อ
   หลอมให้ได้รูปร่างชนิดซับซ้อนได้ง่าย
3. มีอัตราการขยายตัวน้อย สามารถใช้ทำส่วนประกอบของ
    เครื่องจักรกลที่ต้องการรูปร่างและขนาดที่แน่นอน
4. มีความต้านทานต่อแรงอัด และรับแรงสั่น ได้ดี ใช้ทำแท่นรอง
   รับอุปกรณ์ เครื่องมือกลต่างๆ ได้ดี
5. สามารถที่จะปรับปรุงคุณสมบัติความต้านทานแรงดึงได้มากขึ้นอยู่กับการปรับปรุงส่วนผสมและการอบชุบ การใช้งาน ใช้ทำชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ เช่นก้านสูบ ทำท่อน้ำ ขนาดใหญ่ และแท่นฐานเครื่องจักรกลต่าง ๆ เช่น ฐานเครื่องกลึง , เครื่องกัด ทำปากกาจับชิ้นงาน ฯลฯ
เหล็กหล่อกราไฟต์กลม (Spheroidal Graphite Cast Iron) หรือเรียกว่า Nodular Cast Iron , Ductile Iron
          มี % คาร์บอนอยู่ประมาณ 3 – 3.5%และยังมีธาตุที่ผสมอยู่ เช่น แมกนีเซี่ยม และ นิกเกิล เหล็กหล่อชนิดนี้ได้มาจากเหล็กหล่อสีเทาอีกทีหนึ่งโดยผสมแมกนีเซียม นิกเกิลลงในน้ำเหล็กก่อนเทลงแบบ ซึ่งจะทำให้กราไฟต์ (คาร์บอนบริสุทธิ์ที่รวมตัวอยู่ในเนื้อเหล็ก) มีลักษณะเป็นวงกลม (Spheroids) เหล็กหล่อกราไฟต์กลมต่างกับเหล็กหล่อสีเทาตรงที่คาร์บอนรวมตัวเป็นกราไฟต์ในลักษณะกลม (กราไฟต์ของเหล็กหล่อสีเทาอยู่ในลักษณะยาว ๆ ) คุณสมบัติที่ได้จึงเหนียวและรับแรงกระแทกได้ดีกว่าเหล็กหล่อสีเทา จึงเป็นที่นิยมใช้มาก โครงสร้างของเหล็กชนิดนี้ จะมีโครงสร้างพื้นเป็นเฟอร์ไรท์ (Ferrite) และเพิรไลท์ (Pearlite)
คุณสมบัติของเหล็กหล่อกราไฟต์กลม
1. ทนแรงดึงได้สูงประมาณ 540 – 700 นิวตัน /มม.2
2. มีอัตราการยึดตัวประมาณ 1 – 5 %
3. สามารถนำไปชุบแข็ง อบลดความเครียด หรือชุบผิวแข็งได้
4. ความแข็งและความเปราะลดลง ทำให้กลึง , กัด , ไส , เจาะได้ง่าย
5. ทนต่อการสึกหรอได้ดี
6. ทนความร้อนได้ดี
7. สามารถนำไปตีขึ้นรูปได้
8. สามารถรับแรงกระแทกได้ดี
การใช้งาน ใช้ทำชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ เช่นเพล้าข้อเหวี่ยง เครื่องมือการเกษตร ชิ้นส่วนเรือเดินทะเล โครงสร้างเครื่องจักรขนาดใหญ่ , ท่อส่งน้ำ , ท่อส่งแก๊ส
เหล็กหล่อ CGI (Compacted graphite)
        เหล็กหล่อCGIจะมีเปอร์เซ็นต์คาร์บอนประมาณ 4.2%และมีธาตุที่ผสมอยู่เช่นโลหะแมกนีเซียมและ นิกเกิล จะมีเนื้อเม็ดเกรนจะแตกต่างจากเหล็กหล่อกราไฟต์กลมคือ มีกราไฟต์เป็นลักษณะคดยาวคล้ายตัวหนอน (Vermicular graphite) และมีความต้านทานแรงดึงได้ดี และการหดตัวต่ำ เหล็กชนิดนี้จะมีคุณสมบัติอยู่ระหว่างเหล็กหล่อกราไฟต์กลมกับเหล็กหล่อสีเทา ซึ่งจะมีความต้านทานแรงดึงได้ดีกว่าเหล็กหล่อสีเทา จะอยู่ในเกณฑ์เดียวกับกราไฟต์ก้อนกลม แต่ความเหนียวจะด้อยกว่า
การใช้งาน ใช้ทำเฟือง (Gear) ล้อช่วยแรง (fly wheel) , เบรคดุม (Brake drum) และท่อไอเสีย (Exhaust Manifolds)
เหล็กหล่ออบเหนียว (malleable Cast Irons) หรือเหล็กหล่อเหนียว (GT)ทนต่อแรงดึงได้ดีกว่าเหล็กหล่อสีเทา และเหล็กหล่อสีขาว แต่น้อยกว่าเหล็กกราไฟต์กลม นอกจากนี้ทนต่อแรงกระแทกได้ดี มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับเหล็กกล้า เหล็กหล่อชนิดนี้ทำจากเหล็กสีขาวไปผ่านกรรมวิธีอบอ่อน ควบคุมการเย็นตัว ซึ่งจะทำให้โครงสร้างเปลี่ยนแปลงไป แต่ข้อเสียของเหล็กหล่ออบเหนียวนี้ คือ ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการอบอ่อนสูงและ ทำกับชิ้นงานที่มีความหนาได้ไม่เกิน 50 มม.
คุณสมบัติของเหล็กหล่อเหนียว
1. ความเหนียวจะเพิ่มมากขึ้นกว่าเหล็กหล่อสีเทาและเหล็กหล่อสีขาว
2. ความแข็งจะเพิ่มมากกว่าเหล็กหล่อสีขาว แต่น้อยกว่าเหล็กหล่อสีเทา
3. อัตราการยืดตัวจะมากขึ้น
4. ทนต่อแรงกระแทกได้ดี
5. สามารถนำไปชุบผิวแข็งได้มาก
เหล็กหล่อเหนียวแบ่งตามลักษณะโครงสร้างได้ 3 ประเภท
1.เหล็กหล่ออบเหนียวสีดำ (GTS) (Black Heart Malleable)
2.เหล็กหล่ออบเหนียวสีขาว (GTW) (White Heart Malleable Cast Iron)
3.เหล็กหล่ออบเหนียวเพิรลิติค (Pearlitic Malleable)
เหล็กหล่อผสมหรือเหล็กหล่อพิเศษ (Alloy and Special Cast Iron)
       เหล็กหล่อผสมหรือเหล็กหล่อพิเศษเป็นเหล็กหล่อที่ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อให้มีคุณสมบัติตามที่ต้องการ เหล็กหล่อชนิดนี้มีอยู่หลายประเภทขึ้นอยู่กับสารหรือโลหะที่ผสมในเนื้อเหล็กหล่อ ซึ่งพอจะแบ่งออกตามการใช้งานได้ 3 ประเภทคือ
1. เหล็กหล่อผสมทนการเสียดสี
2. เหล็กหล่อผสมทนต่อความร้อน
3. เหล็กหล่อผสมทนต่อการกัดกร่อน
1. เหล็กหล่อผสมทนการเสียดสี (Alloy and Special Cast Iron)
       เป็นเหล็กหล่อที่มีความแข็งสูงโดยผสมโลหะโครเมียมนิกเกิลและโมลิบดินัม ส่วนใหญ่จะมีลักษณะของรอยแตกเป็นสีขาว คล้ายกับเหล็กหล่อสีขาว
เหล็กหล่อชนิดนี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
1.1 เหล็กหล่อ Ni-Hard
เป็นเหล็กหล่อที่มีความแข็งสูง มี % คาร์บอนอยู่ประมาณ 2.8 – 3.6% และมีธาตุที่ผสมอยู่เช่น ซิลิคอน , แมงกานีส,กำมะถัน , ฟอสฟอรัส, นิกเกิล และ โครเมี่ยม
เหล็กหล่อชนิดนี้เมื่อผสมกับโลหะโครเมียม นิกเกิล และโมลิบดินัม จะมีรอยแตกมีลักษณะสีขาวคล้ายเหล็กหล่อสีขาว และถ้าเติมนิเกิลกับโครเมียมจะรวมตัวกันให้คาร์ไบด์ และไปแทนที่เหล็กในซีเมนไตต์ ทำให้มีความแข็งเพิ่มขึ้น และทนต่อการสึกหรอ
ลักษณะการใช้งานส่วนใหญ่ใช้ทำ ชิ้นส่วน Linear plate ใน เครื่องบด , ใบพัดปั๊มแร่ตามเหมืองแร่ , ใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องเคลือบ , ปูนซีเมนต์
คุณสมบัติโดยทั่วไป
1. ความต้านทานแรงดึง
2. ความต้านทานแรงกระแทก
            1.2 เหล็กหล่อโครเมียมสูง
     เป็นเหล็กหล่อที่มี % ของโครเมียม 10 –30% มี % คาร์บอน 2.0-3.0% ธาตุที่ผสมอยู่คือ ซิลิกอน , แมงกานีส , โมลิบดินัม เนื่องจากโครเมียมจะรวมตัวกับคาร์บอนในเหล็กหล่อเกิดเป็นโครเมียมจะรวมตัวกับคาร์บอนในเหล็กหล่อเกิดเป็นโครเมียมคาร์ไบด์ ซึ่งมีคุณสมบัติทนต่อการเสียดสีได้สูง มีอายุการใช้งานยาวนาน มีโครงสร้างเป็นแบบเฟอร์ไรท์

กรรมวิธีการผลิต เตาคิวโปล่า , เตาหลอมไฟฟ้า
ใช้งานใน อุตสาหกรรมทำสี , เหมืองแร่ปูนซีเมนต์ เช่น ลูกบด

2. เหล็กหล่อทนความร้อนสูง (Heat Resistance Cast Iron)
มีคุณสมบัติเด่นอยู่ 3 ประการคือ
1. มีความแข็งแรงได้ที่อุณหภูมิสูง โดยไม่เกิดการแตกหักหรือเปลี่ยนแปลงรูปทรง
2. มีความต้านทานต่อการเกิดออกซิเดชั่น แม้จะอยู่ในสภาพที่สัมผัสกับแก๊สร้อน
3. มีความต้านทานต่อการเกิดอาการพองตัว (Growth) และมีโครงสร้างที่คงสภาพไม่เปลี่ยนแปลงในช่วงของอุณหภูมิที่ใช้งานซึ่งจะสูงกว่า 600 C
2.1 เหล็กหล่อ Ni-resist เป็นเหล็กหล่อชนิดที่มีออกไซด์ และจะมีความต้านทานออกซิเจนแทรกตัว (Oxidation-resistance scale)มีธาตุที่ผสมอยู่เช่น โครเมียม , โมลิบดินัม และนิกเกิลประมาณ 20 – 30 %
2.2 เหล็กหล่อซิลิคอนสูง เป็นเหล็กหล่อชนิดทนความร้อน และมีโครงสร้างเป็นเฟอร์ไรท์มีธาตุที่ผสมอยู่เช่น แมกนีเวียม ,โมลิบดินัม, ซิลิคอน 4- 6% ส่วนมากใช้งานในการ ทำหัวเผาของเตาอบ และ ทำท่อไอเสียเครื่องยนต์
2.3 เหล็กหล่อผสมอะลูมิเนียม เหล็กหล่อชนิดนี้มีต้านทานการแพร่ของออกซิเจนได้ดี  มีธาตุที่ผสมอยู่เช่น โมลิบดินัม และ อะลูมิเนียม ใช้ในงานที่ต้องการความต้านการพองตัว (Growth)
2.4เหล็กหล่อผสมโครเมียม โครงสร้างโดยทั่วไปเหมือนกับเหล็กหล่อขาว แต่ความเหนียวจะน้อยกว่า และมีความต้านทานต่อการแทรกตัวของออกซิเจนได้ดี ส่วนมากใช้งานในการ อุปกรณ์ในงานเตาอบ เช่น หัวเผา , เตาไฟ , Recuperator tube
 3. เหล็กหล่อทนการกัดกร่อน (Corrosion Resistant Iron)
เป็นเหล็กหล่อที่มีธาตุผสมในอัตราสูง  แบ่งออกเป็น2ประเภทคือ
3.1เหล็กหล่อผสมนิกเกิลสูง เป็นเหล็กหล่อที่ทนการกัด
กร่อนสูง มักใช้ในงานวิศวกรรมที่เกี่ยวกับน้ำทะเล งานอุตสห-กรรมเคมี
- เปอร์เซ็นต์คาร์บอน 2 –3.5%
- ธาตุที่ผสมอยู่ นิกเกิล 13.5-36% ,ทองแดง 5.5 –7.5% , โครเมียม 1.8- 6%
- การใช้งาน ผลิตปั๊ม , ท่อ ข้อต่อต่าง ๆ
3.2เหล็กหล่อผสมซิลิคอนสูง มีคุณสมบัติต้านทานการกัดกร่อนโดยเฉพาะกรดชนิดต่าง ๆ ได้ดี ทุก ๆ ความเข้มข้นที่อุณหภูมิห้อง
- เปอร์เซ็นต์คาร์บอน 2-4%
- ธาตุที่ผสมอยู่ ซิลิกอน 14-15% ,โมลิบดินัม, โครเมียม
- การใช้งาน ทำปั๊ม และท่อส่งสารละลายที่มีอำนาจในการกัดกร่อนสูง (High corrosive fluid)

คุณสมบัติของธาตุต่าง ๆ เมื่อผสมลงไปในเหล็ก

ประเทศจีนมีเหล็กที่มีคุณภาพเช่นกัน
คุณสมบัติของธาตุต่าง ๆ เมื่อผสมลงไปในเหล็ก
C     Al    B     Be    Ca     Ce    Co     Cr    Cu     Mn
Mo     N    Ni     O    Pb     P    S     Si    Ti     V    W

     คาร์บอน (Carbon)
สัญลักษณ์ทางเคมี คือ C
        เป็นธาตุที่สำคัญที่สุด จะต้องมีผสมอยู่ในเนื้อเหล็ก มีคุณสมบัติทำให้เหล็กแข็งเพิ่มขึ้น หลังจากนำไปอบชุบ (Heat Treatment) โดยรวมตัวกับเนื้อเหล็ก เป็นสารที่เรียกว่า มาร์เทนไซต์ (Martensite) และซีเมนไตด์ (Cementite) นอกจากนั้น คาร์บอนยังสามารถรวมตัวกับเหล็ก และธาตุอื่น ๆ กลายเป็นคาร์ไบด์ (Carbide) ซึ่งจะช่วยเพิ่มความต้านทานต่อการสึกหรอของเหล็ก อย่างไรก็ตาม คาร์บอนจะลดความยืดหยุ่น (Elasticity) ความสามารถในการตีขึ้นรูป (Forging) และความสามารถในการเชื่อม (Welding) และไม่มีผลต่อความต้านทานการกัดกร่อน
        อลูมิเนียม (Aluminium) สัญลักษณ์ทางเคมี คือ Al
        เป็นธาตุที่นิยมใช้เป็นตัวไล่แก็สออกซิเจน และไนโตรเจน (Deoxidizer และ Denitrizer) มากที่สุด ซึ่งผสมอยู่เล็กน้อยในเหล็ก จะมีผลทำให้เนื้อละเอียดขึ้น เมื่อใช้ผสมลงในเหล็กที่จะนำไปผ่านกระบวนการอบชุบแข็ง โดยวิธีไนไตรดิ้ง (Nitriding) ทั้งนี้เนื่องจากอลูมิเนียมสามารถรวมตัวกับไนโตรเจน เป็นสารที่แข็งมาก ใช้ผสมลงในเหล็กทนความร้อนบางชนิด เพื่อให้ต้านทานต่อการตกสะเก็ด (Scale) ได้ดีขึ้น
        โบรอน (Boron) สัญลักษณ์ทางเคมี คือ B
        ช่วยเพิ่มความสามารถชุบแข็งแก่เหล็ก ที่ใช้ทำชิ้นส่วนเครื่องจักรทั่วไป จึงทำให้ใจกลางของงานที่ทำด้วยเหล็กชุบผิวแข็ง มีความแข็งสูงขึ้น โบรอนสามารถดูดกลืนนิวตรอนได้สูง จึงนิยมเติมในเหล็กที่ใช้ทำฉากกั้นอุปกรณ์นิวเคลียร์
        เบริลเลียม (Beryllium) สัญลักษณ์ทางเคมี คือ Be
        สปริงนาฬิกาซึ่งต้องต่อต้านอำนาจแม่เหล็ก และรับแรงแปรอยู่ตลอดเวลานั้น ทำจากทองแดงผสมเบริลเลียม (Beryllium-Coppers Alloys) โลหะผสมนิกเกิล-เบริลเลียม (Ni-Be Alloys) แข็งมาก ทนการกัดกร่อนได้ดี ใช้ทำเครื่องมือผ่าตัด
        แคลเซียม (Calcium) สัญลักษณ์ทางเคมี คือ Ca
        แคลเซียมจะใช้ในลักษณะแคลเซียมซิลิไซด์ (CaSi) เพื่อลดออกซิเดชั่น (Deoxidation) นอกจากนั้น แคลเซียม ยังช่วยเพิ่มความต้านทานการเกิดสเกลของวัสดุที่ใช้เป็นตัวนำความร้อน
        ซีเรียม (Cerium) สัญลักษณ์ทางเคมี คือ Ce
        เป็นตัวลดออกซิเจนและกำมะถันได้ดี ช่วยปรับปรุงคุณสมบัติด้าน Hot Working ของเหล็กกล้า และปรับปรุงความต้านทานการเกิดสเกลของเหล็กทนความร้อน
        โคบอลต์ (Cobalt) สัญลักษณ์ทางเคมี คือ Co
        ไม่ทำให้เกิดคาร์ไบด์ แต่สามารถป้องกันไม่ไห้เหล็กเกิดเนื้อหยาบที่อุณหภูมิสูง ดังนั้น จึงช่วยปรับปรุงให้เหล็กมีความแข็งแรงที่อุณหภูมิสูง ด้วยเหตุนี้ จึงใช้ผสมในเหล็กขึ้นรูปงานร้อน เหล็กทนความร้อน และเหล็กไฮสปีด ธาตุโคบอลต์เมื่อได้รับรังสีนิวตรอนจะเกิดเป็น โคบอลต์ 60 ซึ่งเป็นสารกัมมันตภาพรังสีอย่างรุนแรง ดังนั้น จึงไม่ควรเติมโคบอลต์ลงในเหล็กที่ใช้ทำเครื่องปฏิกรณ์ปรมาณู
        โครเมียม (Chromium) สัญลักษณ์ทางเคมี คือ Cr
        ทำให้เหล็กอบชุบได้ง่ายขึ้น เพราะลดอัตราการเย็นตัววิกฤตลงอย่างมาก สามารถชุบในน้ำมันหรืออากาศได้ (Oil or Air Quenching) เพิ่มความแข็งให้เหล็ก แต่ลดความทนทานต่อแรงกระแทก (Impact) ลง โครเมียมที่ผสมในเหล็กจะรวมตัวกับคาร์บอน เป็นสารประกอบพวกคาร์ไบด์ ซึ่งแข็งมาก ดังนั้น จึงทำให้เหล็กทนทานต่อแรงเสียดสี และบริเวณที่เป็นรอยคมหรือความคมไม่ลบง่าย ทำให้เหล็กเป็นสนิมได้ยาก เพิ่มความแข็งแรงของเหล็กที่ใช้งานที่อุณหภูมิสูง เพิ่มความทนทานต่อการกัดกร่อนของสารต่าง ๆ ได้ดีขึ้น
        ทองแดง (Copper) สัญลักษณ์ทางเคมี คือ Cu
        เพิ่มความแข็งแรง ถ้ามีทองแดงผสมอยู่ในเหล็กแม้เพียงเล็กน้อย เหล็กจะไม่เกิดสนิมเมื่อใช้งานในบรรยากาศ ทองแดงจะไม่มีผลเสียต่อความสามารถในการเชื่อมของเหล็กแต่อย่างไร
        แมงกานีส (Manganese) สัญลักษณ์ทางเคมี คือ Mn
        ใช้เป็นตัวไล่กำมะถัน (S) ซึ่งเป็นตัวที่ไม่ต้องการในเนื้อเหล็ก จะถูกกำจัดออกในขณะหลอม ทำให้เหล็กอบชุบแข็งง่ายขึ้น เนื่องจากเป็นตัวลดอัตราการเย็นตัววิกฤต (Critical Cooling Rate) ทำให้เหล็กทนทานต่อแรงดึงได้มากขึ้น เพิ่มสัมประสิทธิ์การขยายตัวของเหล็กเมื่อถูกความร้อน แต่จะลดคุณสมบัติในการเป็นตัวนำไฟฟ้า และความร้อน นอกจากนั้น แมงกานีสยังมีอิทธิพลต่อการขึ้นรูปหรือเชื่อม เหล็กกล้าคาร์บอนที่มีปริมาณแมงกานีสเพิ่มขึ้น จะทนต่อการเสียดสีได้ดีขึ้นมาก
        โมลิบดีนัม (Molybdenum) สัญลักษณ์ทางเคมี คือ Mo
        ปกติจะใช้ผสมรวมกับธาตุอื่น ๆ เป็นตัวลดอัตราการเย็นตัววิกฤต ทำให้อบชุบง่ายขึ้น ป้องกันการเปราะขณะอบคืนตัว (Temper Brittleness) ทำให้เหล็กมีเนื้อละเอียด เพิ่มความทนทานต่อแรงดึงแก่เหล็กมากขึ้น สามารถรวมตัวกับคาร์บอนเป็นคาร์ไบด์ได้ง่ายมาก ดังนั้น จึงปรับปรุงคุณสมบัติในการตัดโลหะ (Cutting) ของเหล็กไฮสปีดได้ดีขึ้น เพิ่มความต้านทานต่อการกัดกร่อน (Corrosion Resistance) แก่เหล็ก อย่างไรก็ตาม เหล็กที่มีโมลิบดินั่มสูงจะตีขึ้นรูปยาก
        ไนโตรเจน (Nitrogen) สัญลักษณ์ทางเคมี คือ N
        ขณะทำไนไตรดิ้ง (Nitriding) ไนโตรเจนจะรวมตัวกับธาตุบางชนิดในเหล็ก เกิดเป็นสารประกอบไนไตรด์ ซึ่งทำให้ผิวงานมีความแข็งสูงมาก ต้านทานการสึกหรอได้ดีเยี่ยม
        นิกเกิล (Nickel) สัญลักษณ์ทางเคมี คือ Ni
        เป็นตัวที่เพิ่มความทนทานต่อแรงกระแทกของเหล็ก ดังนั้น จึงใช้ผสมในเหล็กที่จะนำไปชุบแข็งที่ผิว ใช้ผสมกับโครเมียม ทำให้เหล็กทนทานต่อการกัดกร่อนได้ดี ไม่เป็นสนิมง่าย ทนความร้อน
        ออกซิเจน (Oxigen) สัญลักษณ์ทางเคมี คือ O
        ออกซิเจนเป็นอันตรายต่อเหล็ก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ ชนิด ส่วนผสม รูปร่าง และการกระจายตัวของสารประกอบที่เกิดจากออกซิเจนนั้น ออกซิเจนทำให้คุณสมบัติเชิงกล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความต้านทานแรงกระแทกลดลง (ตามแนวขวาง) และเปราะยิ่งขึ้น
        ตะกั่ว (Lead) สัญลักษณ์ทางเคมี คือ Pb
        เหล็กฟรีแมชชีนนิ่ง (Free-Machining Steel) มีตะกั่วผสมอยู่ประมาณ 0.20 - 0.50 % โดยตะกั่วจะเป็นอนุภาคละเอียด กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอภายในเนื้อเหล็ก เมื่อนำไปกลึง หรือตัดแต่งด้วยเครื่องมือกลทำให้ขี้กลึงขาดง่าย จึงทำให้ตัดแต่งได้ง่าย ตะกั่วไม่มีผลกระทบต่อคุณสมบัติเชิงกลของเหล็ก
       ฟอสฟอรัส (Phosphorus) และกำมะถัน (Sulphur) สัญลักษณ์ทางเคมี คือ P และ S ตามลำดับ
        เป็นตัวทำลายคุณสมบัติของเหล็ก แต่มักผสมอยู่ในเนื้อเหล็กโดยไม่ได้ตั้งใจ ต้องพยายามให้มีน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ มักจะเรียกสารเหล่านี้ว่า สารมลทิน (Impurities) เหล็กเกรดสูงจะต้องมีฟอสฟอรัสไม่เกิน 0.03 - 0.05 % ส่วนกำมะถันจะทำให้เหล็กเกิด Red Shortness จึงแตกเปราะง่าย โดยทั่วไปจึงจำกัดปริมาณกำมะถันในเหล็กไม่เกิน 0.025 หรือ 0.03 % ยกเว้น เหล็กฟรีแมชชีนนิ่ง (Free Machining) ที่เติมกำมะถันถึง 0.30 % เพื่อให้เกิดซัลไฟด์ขนาดเล็กกระจายทั่วเนื้อเหล็ก ทำให้ขี้กลึงขาดง่าย จึงตัดแต่งด้วยเครื่องมือกลได้ง่าย
        ซิลิคอน (Silicon) สัญลักษณ์ทางเคมี คือ Si
        ซิลคอนจะปรากฏในเหล็กทุกชนิด เนื่องจากสินแร่เหล็กมักมีซิลิคอนผสมอยู่ด้วยเสมอ ซิลิคอนไม่ใช่โลหะ แต่มีสภาพเหมือนโลหะ ใช้เป็นตัวทำให้เกิดปฏิกิริยาออกซิไดซิ่ง (Oxidizing) ทำให้เหล็กแข็งแรงและทนทานต่อการเสียดสีได้ดีขึ้น เพิ่มค่าแรงดึงที่จุดคราก (Yield Point) ของเหล็กให้สูงขึ้นมาก ดังนั้น จึงใช้ผสมในการทำเหล็กสปริง (Spring Steels) ช่วยทำให้เหล็กทนทานต่อการตกสะเก็ด (Scale) ที่อุณหภูมิสูงได้ดี จึงใช้ผสมในเหล็กทนความร้อน   เหล็กกล้าที่มีซิลิคอนสูงจะมีเกรนหยาบ
        ไทเทเนียม (Titanium) สัญลักษณ์ทางเคมี คือ Ti
        ไทเทเนียมเป็นโลหะที่แข็งมาก ทำให้เกิดคาร์ไบด์ได้ดี เป็นธาตุผสมที่สำคัญในเหล็กสเตนเลส เพื่อป้องกันการผุกร่อนตามขอบเกรน นอกจากนั้น ไทเทเนียมยังช่วยทำให้เหล็กมีเกรนละเอียด
        วาเนเดียม (Vanadium) สัญลักษณ์ทางเคมี คือ V
        ทำให้เหล็กทนต่อความร้อนได้ดี เพิ่มความแข็งแรงให้กับเหล็ก โดยไม่ทำให้คุณสมบัติในการเชื่อม และการดึงเสียไป ทำให้เหล็กมีเนื้อละเอียด รวมตัวกับคาร์บอนที่เป็นคาร์ไบด์ได้ง่าย จึงทำให้ทนทานต่อการสึกกร่อน มักจะผสมในเหล็กขึ้นรูปร้อน (Hot Working Steels) และเหล็กไฮสปีด
        ทังสเตน (Tungsten) สัญลักษณ์ทางเคมี คือ W
        สามารถรวมตัวกับคาร์บอนเป็น คาร์ไบด์ ที่แข็งมาก จึงทำให้เหล็กที่ผสมทังสเตนมีความแข็งมาก หลังจากผ่านการอบชุบ จึงใช้ทำพวกเครื่องมือคม (Cutting Tools) ต่าง ๆ ทำให้เหล็กเหนียวขึ้น และป้องกันไม่ไห้เหล็กเกิดเนื้อหยาบ เนื่องจากการที่เกรนขยายตัว เพิ่มความทนทานต่อการเสียดสีของเหล็ก ดังนั้น จึงนิยมเติมทังสเตนในเหล็กไฮสปีด (Hi-Speed) และเหล็กที่ต้องอบชุบแข็งโดยทั่วไป

2553 และแนวโน้มปี 25542553 IMF คาดว่าขยายตัวร้อยละ 4.8 และแนวโน้มในปี 2554 คาดว่า4.2 ชะลอตัวเล็กน้อยจากปี 2553 เนื่องจากปัจจัยการค้าโลกที่ฟื้นตัวและการ2554 คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 3.3 และอัตราการ2554 คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 8.0 ทั้งนี้สถานการณ์การเงินโลกธนาคารกลางส่วนใหญ่ของ(Dubai) เฉลี่ย 1176.83 USD:Barrel และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเนื่องจาก Energy Administration Information (EIA)2554 จะเพิ่มขึ้นประมาณ 1.19 ล้านบาร์เรลต่อวัน สำหรับNYMEX มีราคา89.38 USD/Barrel ราคานํ้ามันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า2553 ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP ในไตรมาสที่ 3 ของ2553 ขยายตัวร้อยละ 6.7 ชะลอลงจากไตรมาสที่ 2 ของปี 2553 ที่ขยายตัวร้อยละ 9.2 และ3 ของปี 2552 ที่หดตัวร้อยละ -2.8 สำหรับเศรษฐกิจไทยทั้งปี 2553 สำนักงานGDP จะขยายตัวร้อยละ 7.9- ตุลาคม 2553 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น2552 ร้อยละ 17.5 โดยมีอุตสาหกรรม Hard Disk Drive ยานยนต์ ชิ้นส่วน2553 ดัชนี15-16 และแนวโน้มปี 2554 คาดว่าดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม6 - 82553 ในเดือน ม..-.. 2553 นั้นการค้าของ309,087.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละโดยเป็นมูลค่าการส่งออกเท่ากับ 160,277.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมูลค่าการนำเข้าเท่ากับล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน พบว่ามูลค่าการส่งออก29.2 และมูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 39.8 ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 11,467.5
ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมูลค่าการส่งออกกลับมาขยายตัวและมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา และกระทรวงพาณิชย์คาดว่าการส่งอออกทั้งปี
ร้อยละ
อย่างไรก็ตามจากตัวเลขการส่งออกใน
เหรียญสหรัฐฯ และขยายตัวถึงร้อยละ
การส่งออกของไทยล่าสุด
เป้าหมายที่ตั้งไว้
สหรัฐ ส่วนปี
เมื่อพิจารณาการส่งออกในภาคอุตสาหกรรม
อุตสาหกรรมมีมูลค่า
อยู่ที่ร้อยละ
คาดหมายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะหนุนให้มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมทั้งปีขยายตัวใน
ระดับสูงสุดในรอบ
ปัจจัยที่ทำให้การขยายตัวอยู่ในระดับสูงมากมาจากหลายปัจจัยด้วยกัน ได้แก่ ความต้องการใน
ตลาดโลกที่กลับมาฟื้นตัวมากขึ้น ตามภาวะเศรษฐกิจของตลาดส่งออกสำคัญที่เริ่มกลับมาฟื้นตัว
โดยเฉพาะกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและกลุ่มประเทศในอาเซียน ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากมาตรการ
กระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลประเทศต่างๆ อีกทั้งสต๊อกสินค้าของผู้นำเข้าในประเทศต่างๆ ลดลง ทำ
ให้มีความต้องการซื้อทั้งสินค้าเกษตรและสินค้าอุตสาหกรรม ผลจากการทำข้อตกลงการค้าเสรีกับ
ประเทศต่างๆ รวมถึงฐานที่ต่ำผิดปกติจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกในปี
สำหรับการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมในปี
ปัญหาความต่อเนื่องของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่การฟื้นตัว
ยังมีแนวโน้มเปราะบาง การใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษ
ของสหรัฐฯรอบที่
การแข็งค่าของเงินในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนารวมถึงประเทศไทย แต่ทั้งนี้ในหลายอุตสาหกรรม
อาทิ ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า การส่งออกยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากปี
อุตสาหกรรมรถยนต์ในปี
รถยนต์ที่จะเป็นตัวผลักดันให้ปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้น คือ รถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล หรืออี
โคคาร์ ในขณะที่ตลาดส่งออก คาดว่ายังสามารถส่งออกรถยนต์ไปในตลาดหลัก เช่น เอเชีย และโอเชีย
เนีย เป็นต้น ได้อย่างต่อเนื่อง
สถาบันสังคมศาสตร์ของจีน (CASS) เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมเหล็กและโลหะของจีนกำลังมีส่วนแบ่งในตลาดโลกเพิ่มขึ้น โดยจีนเคยมีส่วนแบ่งในตลาดโลกสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 12.09% ในปี 2551
ทั้งนี้ CASS เปิดเผยในรายงาน "Blue Book 2010" ซึ่งเป็นรายงานที่ว่าด้วยความสามารถด้านการแข่งขันของจีน ว่า ความสารถด้านการแข่งขันของประเทศจะสูงขึ้นในปี 2553


รายงานของ CASS ระบุว่า การผลิตเหล็กดิบของจีนมีปริมาณ 568 ล้านตันในปี 2552 ส่งผลให้จีนกลายเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่สุดของโลก แต่ถึงแม้จีนจะเป็นผู้นำในด้านปริมาณการผลิตและส่วนแบ่งการตลาด จีนก็ยังต้องพัฒนาความสามารถด้านการแข่งขันของอุตสาหกรรมในประเทศ โดยหากเปรียบเทียบมูลค่าเพิ่มในสินค้าเหล็กส่งออกของญี่ปุ่นและเยอรมนี พบว่าเหล็กของจีนมีมูลค่าเพิ่มที่ต่ำกว่า อย่างไรก็ตาม รายงาน Blue Book 2010 ระบุว่า ความสามารถด้านการแข่งขันของอุตสาหกรรมเหล็กและโลหะของจีนจะเพิ่มขึ้นในปี 2553 เนื่องจากมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการผลิต รวมทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการลดต้นทุน สำนักข่าวซินหัวรายงาน
2553 จะมีขยายตัว20 เมื่อเทียบกับปี 2552 คิดเป็นมูลค่าการส่งออกรวม 183,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่10 เดือนแรกของปี 2553 ที่มีมูลค่ากว่า 160,000 ล้าน29.2 ดังกล่าว กระทรวงพาณิชย์จึงมีการปรับการคาดการณ์( ณ ธันวาคม 2553) โดยคาดว่าการส่งออกทั้งปี 2553 จะสูงกว่า(ร้อยละ 20 ) คือ จะขยายตัวถึงร้อยละ 24-25 คิดเป็นมูลค่า 1.9 แสนล้านเหรียญ2554 คาดว่าการส่งออกจะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 10-1510 เดือนแรกของปี 2553 การส่งออกสินค้า123,575 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวใกล้เคียงกับการส่งออกในภาพรวมคือ29.97 โดยการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมในช่วงปี 2553 มีอัตราการเติบโตสูงเกินความ14 ปี นับตั้งแต่วิกฤต ต้มยำกุ้งในช่วงปี 2540 ในอัตราเกินกว่าร้อยละ 25 ทั้งนี้25522554 การส่งออกมีทิศทางชะลอตัวลง จาก(Quantitative Easing Policy)2 หรือการการเพิ่มปริมาณเงินดอลลาร์เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอีกครั้งอาจจะกดดัน2553 โดย2554 จะมีการส่งออกได้เกิน 1 ล้านคันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
สรุปภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไทย
ปี
เศรษฐกิจโลกในปี
ขยายตัวร้อยละ
ไหลเวียนของเงินลงทุน แต่ปัญหาอัตราการว่างงานที่อยู่ในระดับสูงในหลาย ๆ ประเทศ เช่น สหรัฐฯ
และกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป ปัญหาหนี้สาธารณะของกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป ความเสี่ยงจาก
ความผันผวนของค่าเงิน รวมถึงการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลประเทศต่าง ๆ ปัจจัย
เหล่านี้จะกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก และยังส่งผลให้ตลาดการเงินมีความเสี่ยงต่อภาวะไร้
เสถียรภาพมากขึ้น แต่การขยายตัวที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาจะเป็นปัจจัย
สำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว อัตราเงินเฟ้อ ปี
ว่างงานปี
หลาย ๆ ประเทศทั่วโลก จะทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
และควบคุมปัญหาเงินเฟ้อ
สถานการณ์ราคาน้ำมันโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากต้นปี โดยราคาน้ำมันดิบ
เดือนอยู่ที่
คาดการว่าความต้องการใช้น้ำมันในปี
สถานการณ์น้ำมันในตลาดโลกราคาน้ำมันยังคงแกว่งตัวขึ้นลง โดยล่าสุดราคาน้ำมันดิบ
อยู่ที่
ส่วนของเศรษฐกิจไทยในปี
ปี
ขยายตัวจากไตรมาสที่
คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คาดว่า
ในภาคอุตสาหกรรม ในช่วงเดือนมกราคม
จากช่วงเดียวกันของปี
อิเล็กทรอนิกส์ เป็นอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตเพิ่มขึ้น ทั้งนี้คาดว่าทั้งปี
ผลผลิตอุตสาหกรรมจะขยายตัวร้อยละ
จะขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงร้อยละ
ด้านสถานการณ์การค้าต่างประเทศของปี
ไทยมีมูลค่าทั้งสิ้น
34.1
148,810.0
เพิ่มขึ้นร้อยละ
ii

ที่มา มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก

 World Peace University



มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก   World Peace University
            เมื่อได้เห็นหรือได้ยินชื่อว่า สันติภาพโลก วิญญูชนทั่วไปย่อมจะรู้สึกขึ้นมาทันทีเลยว่า.....เป็นประโยคที่.....ให้ความรู้สึกไปในทางที่ดี ทำให้คิดจินตนาการต่อไปได้ว่า เป็นสิ่งที่สังคมโลกของคนทุกเผ่าพันธุ์ ต้องการสันติภาพและสันติภาพนั้นก็ย่อมนำมาซึ่งสันติสุขดังนั้นสันติภาพจึงเป็นพื้นที่ทางความคิดของคนดี ผู้มีวิสัยทัศน์ ( VISION )    ที่กว้างไกลไร้ขอบเขตจำกัด สันติภาพที่ไร้ขอบเขตจำกัดจึงไม่ควรถูกจำกัดอยู่จำเพาะองค์กรหนึ่งองค์กรใด และควรที่จะกระทำให้เกิดขึ้นให้ได้ในทุกๆหน่วยของสังคม ทั้งระดับครอบครัว ชุมชน สังคมใหญ่ในระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด ประเทศ ภูมิภาค ทวีป และโลก !
     สันติภาพจึงมิใช่เป็นทรัพย์สมบัติหรือเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของทุกคน หากสังคมใดต้องการให้มีสันติภาพเกิดขึ้น สังคมนั้นย่อมต้องให้การยอมรับและมองให้เห็นคุณค่าของคนในสังคมนั้น โดยต้องไม่กีดกันความแตกต่างที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม ดังเช่นในสังคมของชุมชนที่มีปราชญ์ชุมชน ที่เรียนรู้พัฒนาตนเองด้วยวิธีการคิดและลงมือปฏิบัติไปในทางสร้างสรรค์และเกิดผลดีต่อส่วนรวม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเราจึงเห็นว่าสินค้าที่เรียกว่าโอทอป(OTOP) หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ได้ถูกนำเสนอสู่สังคมตั้งแต่ชุมชนเล็กๆจนกระทั่งถึงตลาดโลก ซึ่งสิ่งเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นภูมิปัญญาธรรมชาติที่เป็นความสามารถ ซึ่งมีอยู่ในรูปแบบของพรสวรรค์หรือความสามารถเฉพาะตัวของบุคคลแทบทั้งสิ้น ความเป็นศิลปินจากความเป็นคนเหมือนกัน แต่ความสามารถที่เป็น พรสวรรค์ต่างกัน จึงทำให้ศิลปินคนนั้นกลายเป็นขวัญใจของประชาชน และยังมีคนอีกจำนวนมากมายที่อยู่ในหลากหลายอาชีพ เขาเหล่านั้นมีความสามารถ มีฝีมือ มีความชำนาญ มีความเฉลียวฉลาดไร้ขอบเขตจำกัด แต่เขาเหล่านั้นไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือในระบบของการศึกษาที่ถูกสังคมตีกรอบให้เขาเหล่านั้นไม่สามารถเข้าถึง เพียงเพราะเหตุปัจจัยทางการเงิน หรือความสัมพันธ์กับบุคคลพิเศษ ผู้มีอำนาจไม่เปิดโอกาสให้เข้าถึงได้โดยง่าย หรือเพราะอยู่ห่างไกลความเจริญ ทางวัตถุหรือเทคโนโลยีสมัยใหม่ หรือเพราะความมั่นใจในสิ่งที่เป็นตัวตนของตนเองจึงกล้าแสดงออกถึงความคิดเห็นและการกระทำอื่นๆที่โดดเด่นจนเป็นเหตุให้มีการ  สกัดดาวรุ่งจากผู้มีอำนาจที่มีจิตริษยาไม่อยากเห็นผู้อื่นดีกว่าตน จนเกิดความหมั่นไส้สังคมไทยจึงถูกปล่อยปละละเลยให้สิ่งต่างๆดังกล่าวมาเกิดขึ้นมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน เป็นเหตุให้การบริหารจัดการเกี่ยวกับสังคมอยู่ในรูปแบบ ติดหล่มเคลื่อนไหวไปมาลำบาก การสถาปนายอมรับ ต้องอยู่ในกรอบที่บางเรื่องราวไม่มีความจำเป็นต้องนำเอากรอบเดิมที่ล้มเหลวซ้ำซากมาเป็นกรอบครอบงำสิ่งที่ถูกสร้างสรรค์ใหม่อีกต่อไป ดูเหมือนสังคมไทยยังคงเป็นอยู่เช่นนี้  อีกอย่างโดดเด่นเห็นได้ชัด จึงกลายเป็นเสียงบ่นจากทางสังคมว่า คนดีไม่กล้าแต่คนบ้าฮึกเหิม คนทำดีไม่มีโอกาสได้ตำแหน่งดีๆ แต่คนไม่ดีกลับได้รับการส่งเสริม คนมีความรู้ความสามารถขาดกำลังใจ เพราะถูกกีดกัน คนเป็นผู้นำขาดหลักธรรมาภิบาลที่ดี คนไม่ดีกลับใช้ความสามารถทางวิชามารเพื่อเป็นฐานก้าวข้ามหัวคนดีที่ไม่กล้าหาญ เพราะหากคนดีกล้าหาญแต่เป็นระบบข้าราชการแล้วละก้อเป็นอันต้องทำให้อนาคตมืดมน เราจึงเห็นคนดีคนเก่งในระบบราชการกลายเป็น จิ้งจกเปลี่ยนสี เพราะเหตุว่ามีคนไม่ดีเข้ามามีอำนาจ เมื่อความไม่ดีเข้ามาครอบงำสังคมความไม่ชอบธรรม ความไม่เที่ยงธรรม ความไม่รักษาน้ำใจ ความไม่เอาไหน ต่อการยอมรับยกย่องคนดี จึงมีให้เห็นอย่างเด่นชัด แล้วสันติภาพและสันติสุขจะเกิดขึ้นในสังคมได้อย่างไร เพราะเราได้ปล่อยให้ความดี ความถูกต้อง ความยุติธรรม ถูกใส่กรอบไว้จำเพาะเหตุผลที่คนนำไปเข้าข้างตนเองว่าถูกต้องเท่านั้นเอง
            มหาวิทยาลัยสันติภาพโลกเกิดขึ้นจากแนวความคิดและมุมมองที่คมชัดจากนักวิชาการผู้รักสันติภาพ ที่เป็นผู้กล้าหาญในการใช้ประสบการณ์ชีวิตของความเป็นครูและเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ถ้าให้กรอบของความเป็นอาจารย์ซึ่งเป็นข้าราชการที่มียศถาบรรดาศักดิ์นำหน้าอยู่ในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นเวลา 30 ปี ซึ่งเป็นผู้ที่กล้าคิด  กล้าพูด กล้าทำ เป็นผู้ที่เคยเป็นทั้งผู้ตามและผู้นำทางวิชาการและการบริหาร เป็นผู้กล้าคิดกล้าเขียนและกล้าสอนให้ลูกศิษย์ลูกหากล้าคิดนอกกรอบ กล้าแหวกกรงความคิดด้านวิชาการสู่การปฏิบัติที่ต้องใช้เวลาในการต่อสู้กับความคิดของผู้ต่อต้านซึ่งยังเป็นนักวิชาการที่อยู่ในกรอบอย่างทรนง จนกระทั่งสังคมโลกแห่งความเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างแห่งรูปแบบการเรียนการสอนที่ผู้สอนและผู้เรียนไม่จำเป็นที่ต้องอยู่ในกรอบเดิมแบบไทยๆในอดีตอีกต่อไปและแล้ว นักวิชาการผู้กล้าหาญอย่างชาญฉลาด คือ ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.สวัสดิ์ บันเทิงสุข  จึงได้ลงนามในคำแถลงร่วม (Joint Statement กับ UN – ESCAP และ UNESCO เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ค.ศ.2000)
เพื่อการขับ เพื่อสันติภาพทั้งนี้เพื่อให้เกิดสันติภาพในภูมิภาคเอเชีย โดยมี สะพานมิตรภาพไทย – พม่า ที่แม่สอดเป็นการเชื่อมโยงให้การเดินทางโดยทางบก (Land Route) ในการเดินหน้าทางวิชาการนอกกรอบโดยอาศัยความเป็นสากลมาให้คนไทย ผู้ใฝ่รู้ ใฝ่ศึกษาทางวิชาการในรูปแบบการเรียนการสอนแบบนอกกรอบและไม่กีดกัน พร้อมด้วยส่งเสริมให้ยังคงมีรูปแบบการเรียนการสอนในกรอบมหาวิทยาลัยแบบเดิมๆอยู่บ้างแต่ก็มิปล่อยให้ผู้เรียนต้องหลงทาง เส้นทางแห่งการส่งเสริมสถาปนาภูมิปัญญาของคนที่เดินอยู่บนถนนสายความจริง ซึ่งยิ่งเดินไปยิ่งไกลและยิ่งกว้าง จึงถูกสร้างขึ้นมาในกรอบความคิดในทางปฏิบัติของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลกซึ่งต่อมายังมีปฏิญญาเชียงรายและอีกหลายบันทึกข้อตกลงกับองค์กรต่างๆอย่างกว้างขวางจากการเดินทางด้านการศึกษาในระดับปริญญาเอกจากต่างประเทศ และการใช้ชีวิตของความเป็นนักวิชาการในระดับศาสตราจารย์ และการเขียนหนังสือนอกกรอบทางวิชาการ การฝึกอบรมให้ผู้ใฝ่หาความรู้เพื่อการพัฒนาชีวิตตลอดช่วงชีวิตของผู้เป็นครูอาจารย์ จึงรู้จริงเห็นแจ้งว่าเป็นเวลาที่จะต้องยกระดับคุณค่าของคนบนเส้นทางของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก บนพื้นฐานทางความคิดที่ต้องปรับความคิดให้ทันคน ปรับคนให้ทันความเปลี่ยนแปลง ปรับความเปลี่ยนแปลงให้ทันยุค แล้วก็ถึงยุคแห่งการร้องหาสันติภาพในสังคมโลกซึ่งกำลังมีเสียงดังกึกก้องขึ้นในทุกขณะ อุปสรรคของสันติภาพจากการถูกกีดกันหรือตีกรอบครอบงำ จะไม่สามารถเติบโตได้อีกต่อไป
     มหาวิทยาลัยสันติภาพโลกจึงมีคณะนักวิชาการ นักบริหาร นักธุรกิจ ที่มีแนวคิดและมุมมองไปในทิศทางเดียวกันได้ก่อตั้งขึ้นในประเทศไทยภายใต้สัมพันธภาพที่ดีกับนักวิชาการในต่างประเทศอย่างแนบแน่น โดยมีที่อยู่ของสำนักงาน  งานมหาวิทยาลัยอยู่เลขที่ 506 Parkside Place, Indian Harbor Beach, FL 32937 USA. Tel : 321 777 2323 FL.USA.(รัฐฟลอริดา)
            โดยมีศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.สวัสดิ์ บรรเทิงสุข เป็นอธิการบดี  ศาสตราภิชาน ดร.เรวัตร์ ชาตรีวิศิษฏ์ เป็นนายกสภามหาวิทยาลัย  ศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์  ดร.ศุภณัฐ ดอนจันทร์ เป็นนายทะเบียนมหาวิทยาลัย   และมีนักวิชาการและผู้ทรงคุณวุฒิทางสังคมอีกมากมายได้ร่วมกันสถาปนามหาวิทยาลัย ให้ก้าวไปสู่สังคมด้วยอุดมการณ์แห่งการสร้างสรรค์ให้เกิดสันติภาพขึ้นในทุกหน่วยของสังคมโลกในวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ณ โรงแรมแชงกรีลา จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งในวันสถาปนามหาวิทยาลัยนั้นทางฝ่ายบริหารได้เสนอชื่อและรับรองบุคคลต่างๆที่มีวุฒิภาวะทางสังคม มีผลงานและประสบการณ์ชีวิตที่มีคุณค่าและสามารถพัฒนาสร้างสรรค์สังคมให้เป็นไปในทางที่ดีได้ซึ่งมีทั้งข้าราชการทุกระดับและบุคคลทั่วไปที่สามารถประกอบสัมมาชีพให้ดำรงตนอยู่ในสังคมได้เป็นอย่างดีพร้อมที่จะสอนให้สังคมได้เรียนรู้และปฏิบัติตามได้  ซึ่งจะมีพิธีมอบวุฒิบัตรที่สำคัญยิ่งในระดับ บัณฑิตกิตติมศักดิ์ ,  มหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ และ ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ พร้อมด้วยการแต่งตั้งตำแหน่งทางวิชาการให้แก่ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษทางวิชาการในระดับ ศาสตราจารย์กิตติคุณ(Emeritus Professor)  ศาสตราจารย์เกียรติคุณ(Honorable Professor) ศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ (Honorable Professor)
            เพื่อบุคคลต่างๆที่ได้รับปริญญาบัตรและคุณวุฒิทางวิชาการ จะได้เป็นบุคคลต้นแบบของสังคมโลกใหม่ ที่มีการติดต่อสื่อสารแลกเปลี่ยนและเรียนรู้ได้จากทั่วทุกมุมโลกอย่างไร้ขอบเขตจำกัด และจะได้เป็นภูมิปัญญาสากลที่คนทั่วโลกสามารถนำไปใช้เป็นวิธีการคิด วิธีการปฏิบัติและไม่ตัดโอกาสคนดี คนมีความสามารถ คนที่มีความเป็นปราชญ์ของสังคม ที่ไม่ต้องติดหล่มเพราะกรอบของสังคมที่แคบอีกต่อไปเหตุฉะนั้น การให้โอกาส การส่งเสริมยกระดับคุณค่าของคนในสังคมโลกจึงเป็นจุดเริ่มต้นของสันติภาพที่ดีโดยไม่จำเป็นต้องมีเงิน และติดอยู่ในกรอบเดิมเสมอไป
            มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก อันเป็นโลกกว้างทางความคิด และโลกกว้างทางวิชาการที่มีการผสมผสานทางด้านวัฒนธรรมการเรียนรู้ การยกย่องเชิดปูชนียบุคคลของสังคม การให้เกียรติผู้มีประสบการณ์ชีวิตอันเป็นทฤษฎีแห่งการปฏิบัติในทางสร้างสรรค์ และเขาเหล่านั้นยังคงมีอยู่อีกมากมายในทุกระดับของสังคม หวังว่าอุดมการณ์แห่งการสร้างคุณค่าให้เกิดแก่คนบนเส้นทางชีวิตสายสำคัญแห่งมนุษยชาติ ซึ่งได้ถูกประกาศและสถาปนาในวันนี้นั้น จะทวีคุณค่าและขยายผลสู่คนทุกชนชาติด้วยความสามารถและความเฉลียวฉลาดจากภูมิปัญญาที่ไร้ขอบเขตจำกัด  ขอแสดงความยินดีต่อผู้มีความรู้   มีความสามารถที่ได้รับการยอมรับและการมองเห็นคุณค่าของคำว่า คนดี คนมีฝีมือ คนมีความสามารถ คนมีประสบการณ์ คนสร้างสรรค์สังคม ซึ่งสมควรแล้วด้วยประการทั้งปวงกับคุณวุฒิทางวิชาการและปริญญาบัตรกิตติมศักดิ์ แห่งศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ที่จะต้องไม่หยุดนิ่ง หากแต่จะต้องเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์ให้เกิดสันติภาพอันจะก่อให้เกิดสันติสุขขึ้นในทุกระดับของสังคมตลอดไป


                                                                                              ด้วยความปรารถนาดีจาก
ฝ่ายบริหารมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
                                                                                                        3 พ.ย. 2555