แขวงบางบำหรุ
เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร
วันที่...... มีนาคม 2555
หนังสือสัญญานี้ทำขึ้นระหว่าง ข้าพเจ้า นาง เกษร อิน ในฐานะผู้รับมอบอำนาจและในฐานะส่วนตัว อยู่บ้านเลขที่ 38 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร ซึ้งต่อไปในสัญญานี้เรียกว่า ผู้จะขาย ฝ่ายหนึ่ง กับ ข้าพเจ้า
นาย............................................................................................................................
..................................................................................................................................
ซึ่งต่อไปในสัญญานี้จะเรียกว่า ผู้จะซื้อ อีกฝ่ายหนึ่ง คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงทำสัญญาจะซื้อจะขาย ที่ดิน ดังมีข้อความต่อไปนี้
ข้อ1.ทรัพย์สินที่จะซื้อจะขาย
ผู้จะขายตกลงจะขายและผู้จะซื้อตกลงจะซื้อที่ดิน (ไม่มีสิ่งปลูกสร้าง) จำนวน 2 แปลงโดยปลอดภาระจำนอง คือ
1. ) ที่ดิน โฉนดเลขที่ 127 เลขที่ดิน 611 หน้าสำรวจ 34 ตำบลห้วยจรเข้ (นครปฐม) อำเภอเมืองนครปฐม (พระปฐมเจดีย์) จังหวัดนครปฐม (นครชัยศรี) เนื้อที่ดิน 1 ไร่ 1 งาน 32 ตรางวา
2.) ที่ดิน โฉนดเลขที่ดิน 38 เลขที่ดิน 89 หน้าสำรวจ 38 ตำบลสนามจันทร์ (สระน้ำจัน)อำเภอเมืองนครปฐม (พระปฐมเจดีย์) จังหวัดนครปฐม (นครชัยศรี) เนื้อที่ดิน 13 ไร่ 2 งาน 91 ตารางวา โดยมีรายละเอียดของที่ดินปรากฎ ตามเอกสารแนบท้ายสัญญานี้
รวมเนื้อที่ดินทั้ง 2 แปลง มีเนื้อที่ดินทั้งสิน 15 ไร่ 23 ตารางวา ในราคาไร่ละ 5,500,000. บาท ( ห้าล้านห้าแสนบาทถ้วน) คิดเป็นเงินค่าที่ดินทั้งสิ้น ......................................... บาท (..........................................................)
อนึ่ง คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงให้การซื้อขายที่ดินแปลงดังกล่าว เป็นการซื้อขายเหมา ตามเนื้อที่ดินที่ปรากฎในโฉนดที่ดิน หากมีการรังวัดสอบเขตเนื้อที่ดินในภายหลังแล้วปรากฏว่ามีเนื้อที่ดิน เพิ่มขึ้นหรือลดลง คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงไม่คิดค่าราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงต่อกันอีก
ข้อ 2. เงินมัดจำ และการกำหนดโอนสิทธิครอบครองทางทะเบียน
ผู้จะซื้อตกลงวางมัดจำ เป็นเงิน 15,000,000. บาท (สิบห้าล้านบาท) โดยชำระเป็น ดร๊าฟท์ ซึ้งผู้จะขายได้รับดร๊าฟท์ฉบับดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันทำสัญญานี้ ส่วนเงินที่ดินส่วนที่เหลือ อีกเป็นจำนวน ............................................................... บาท (..........................................................................) ผู้จะซื้อจะชำระให้แก่ผู้ขายเป็นดร๊าฟท์ ในวันจดทะเบียน โอนกรรมสิทธิ์ ณ สำนักงานที่ดิน จังหวัด นครปฐม ซึ้งมีกำหนดจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ ที่ดินทั้งสองแปลง ภายใน 90 วัน นับแต่วันทำหนังสือสัญญาฉบับนี้เป็นต้นไป
ข้อ 3. ค่าภาษีและค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์
ผู้ซื้อตกลงเป็นผู้ชำระค่าธรรมเนียม ค่าภาษีอากร ค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าวแต่เพียงผู้เดียว
ข้อ 4.ข้อสัญญาอื่นๆ
ในวันจดทะเบียนโอนกรรมสิทยธิ์ที่ดินทั้งสองแปลง ผู้จะขายยินยอมให้ผู้จะซื้อลงชื่อบุคลอื่นหรือนิติบุคลอืนเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งสองแปลงแทนผู้จะซื้อดำเนินการใดๆ หรือรอ้งขอให้ผู้จะขายดำเนินการใดๆทางทะเบียนในที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าว
ข้อ 5. การผิดสัญญา
หากผู้จะซื้อผิดสัญญาไม่รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามสัญญานี้พร้อมชำระค่าที่ดินส่วนที่เหลือตามข้อ 2. ผู้จะซื้อยินยอมให้ผู้จะขายริบเงินมัดจำ และให้ถือว่าสัญญานี้สิ้นสุดลง โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าแต่ประการใด ในทำนองเดียวกันหากผู้จะขายผิดสัญญาไม่โอนกรรมสิทธิ์ที่ตามสัญญาไม่โอนกรรมสิทธิ์ ที่ดินตามสัญญานี้ให้แก่ผู้จะซื้อ ผู้จะขายยินยอมคืนเงินมัดจำให้แก่ผู่จะซื้อ และให้ผู้จะซื้อเรียกร้องสิทธิ์ค่าเสียหายอื่นๆ หากพึงมี
สัญญานี้ทำขึ้นเป็นสองฉบับ มีข้อความถูกต้องตรงกัน คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายได้อ่านและเข้าใจโดยตลอดแล้วเห็นว่าถูกต้องตรงตามเจตนา เพื่อเป็นหลักฐานจึงได้ลงลายมือชื่อไว้เป็นสำคัญต่อหน้าพยาน
ลงชื่อ .........................................................................ผู้จะขาย
( นางเกษร อินดี )
ลงชื่อ ......................................................................ผู้จะซื้อ
ลงชื่อ...................................................................... พยาน
(................................................................)
ลงชื่อ....................................................................... พยาน
(.............................................................)
ที่มา มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
World Peace University
มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก World Peace University
เมื่อได้เห็นหรือได้ยินชื่อว่า “สันติภาพโลก” วิญญูชนทั่วไปย่อมจะรู้สึกขึ้นมาทันทีเลยว่า.....เป็นประโยคที่.....ให้ความรู้สึกไปในทางที่ดี ทำให้คิดจินตนาการต่อไปได้ว่า เป็นสิ่งที่สังคมโลกของคนทุกเผ่าพันธุ์ ต้องการสันติภาพและสันติภาพนั้นก็ย่อมนำมาซึ่งสันติสุขดังนั้นสันติภาพจึงเป็นพื้นที่ทางความคิดของคนดี ผู้มีวิสัยทัศน์ ( VISION ) ที่กว้างไกลไร้ขอบเขตจำกัด สันติภาพที่ไร้ขอบเขตจำกัดจึงไม่ควรถูกจำกัดอยู่จำเพาะองค์กรหนึ่งองค์กรใด และควรที่จะกระทำให้เกิดขึ้นให้ได้ในทุกๆหน่วยของสังคม ทั้งระดับครอบครัว ชุมชน สังคมใหญ่ในระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด ประเทศ ภูมิภาค ทวีป และโลก !
สันติภาพจึงมิใช่เป็นทรัพย์สมบัติหรือเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของทุกคน หากสังคมใดต้องการให้มีสันติภาพเกิดขึ้น สังคมนั้นย่อมต้องให้การยอมรับและมองให้เห็นคุณค่าของคนในสังคมนั้น โดยต้องไม่กีดกันความแตกต่างที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม ดังเช่นในสังคมของชุมชนที่มีปราชญ์ชุมชน ที่เรียนรู้พัฒนาตนเองด้วยวิธีการคิดและลงมือปฏิบัติไปในทางสร้างสรรค์และเกิดผลดีต่อส่วนรวม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเราจึงเห็นว่าสินค้าที่เรียกว่าโอทอป(OTOP) หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ได้ถูกนำเสนอสู่สังคมตั้งแต่ชุมชนเล็กๆจนกระทั่งถึงตลาดโลก ซึ่งสิ่งเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นภูมิปัญญาธรรมชาติที่เป็นความสามารถ ซึ่งมีอยู่ในรูปแบบของพรสวรรค์หรือความสามารถเฉพาะตัวของบุคคลแทบทั้งสิ้น ความเป็นศิลปินจากความเป็นคนเหมือนกัน แต่ความสามารถที่เป็น “พรสวรรค์ต่างกัน” จึงทำให้ศิลปินคนนั้นกลายเป็นขวัญใจของประชาชน และยังมีคนอีกจำนวนมากมายที่อยู่ในหลากหลายอาชีพ เขาเหล่านั้นมีความสามารถ มีฝีมือ มีความชำนาญ มีความเฉลียวฉลาดไร้ขอบเขตจำกัด แต่เขาเหล่านั้นไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือในระบบของการศึกษาที่ถูกสังคมตีกรอบให้เขาเหล่านั้นไม่สามารถเข้าถึง เพียงเพราะเหตุปัจจัยทางการเงิน หรือความสัมพันธ์กับบุคคลพิเศษ ผู้มีอำนาจไม่เปิดโอกาสให้เข้าถึงได้โดยง่าย หรือเพราะอยู่ห่างไกลความเจริญ ทางวัตถุหรือเทคโนโลยีสมัยใหม่ หรือเพราะความมั่นใจในสิ่งที่เป็นตัวตนของตนเองจึงกล้าแสดงออกถึงความคิดเห็นและการกระทำอื่นๆที่โดดเด่นจนเป็นเหตุให้มีการ “สกัดดาวรุ่ง” จากผู้มีอำนาจที่มีจิตริษยาไม่อยากเห็นผู้อื่นดีกว่าตน จนเกิดความ “หมั่นไส้” สังคมไทยจึงถูกปล่อยปละละเลยให้สิ่งต่างๆดังกล่าวมาเกิดขึ้นมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน เป็นเหตุให้การบริหารจัดการเกี่ยวกับสังคมอยู่ในรูปแบบ “ติดหล่ม”เคลื่อนไหวไปมาลำบาก การสถาปนายอมรับ ต้องอยู่ในกรอบที่บางเรื่องราวไม่มีความจำเป็นต้องนำเอากรอบเดิมที่ล้มเหลวซ้ำซากมาเป็นกรอบครอบงำสิ่งที่ถูกสร้างสรรค์ใหม่อีกต่อไป ดูเหมือนสังคมไทยยังคงเป็นอยู่เช่นนี้ อีกอย่างโดดเด่นเห็นได้ชัด จึงกลายเป็นเสียงบ่นจากทางสังคมว่า “คนดีไม่กล้าแต่คนบ้าฮึกเหิม” คนทำดีไม่มีโอกาสได้ตำแหน่งดีๆ แต่คนไม่ดีกลับได้รับการส่งเสริม คนมีความรู้ความสามารถขาดกำลังใจ เพราะถูกกีดกัน คนเป็นผู้นำขาดหลักธรรมาภิบาลที่ดี คนไม่ดีกลับใช้ความสามารถทางวิชามารเพื่อเป็นฐานก้าวข้ามหัวคนดีที่ไม่กล้าหาญ เพราะหากคนดีกล้าหาญแต่เป็นระบบข้าราชการแล้วละก้อเป็นอันต้องทำให้อนาคตมืดมน เราจึงเห็นคนดีคนเก่งในระบบราชการกลายเป็น “ จิ้งจกเปลี่ยนสี ” เพราะเหตุว่ามีคนไม่ดีเข้ามามีอำนาจ เมื่อความไม่ดีเข้ามาครอบงำสังคมความไม่ชอบธรรม ความไม่เที่ยงธรรม ความไม่รักษาน้ำใจ ความไม่เอาไหน ต่อการยอมรับยกย่องคนดี จึงมีให้เห็นอย่างเด่นชัด แล้วสันติภาพและสันติสุขจะเกิดขึ้นในสังคมได้อย่างไร เพราะเราได้ปล่อยให้ความดี ความถูกต้อง ความยุติธรรม ถูกใส่กรอบไว้จำเพาะเหตุผลที่คนนำไปเข้าข้างตนเองว่าถูกต้องเท่านั้นเอง
มหาวิทยาลัยสันติภาพโลกเกิดขึ้นจากแนวความคิดและมุมมองที่คมชัดจากนักวิชาการผู้รักสันติภาพ ที่เป็นผู้กล้าหาญในการใช้ประสบการณ์ชีวิตของความเป็นครูและเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ถ้าให้กรอบของความเป็นอาจารย์ซึ่งเป็นข้าราชการที่มียศถาบรรดาศักดิ์นำหน้าอยู่ในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นเวลา 30 ปี ซึ่งเป็นผู้ที่กล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ เป็นผู้ที่เคยเป็นทั้งผู้ตามและผู้นำทางวิชาการและการบริหาร เป็นผู้กล้าคิดกล้าเขียนและกล้าสอนให้ลูกศิษย์ลูกหากล้าคิดนอกกรอบ กล้าแหวกกรงความคิดด้านวิชาการสู่การปฏิบัติที่ต้องใช้เวลาในการต่อสู้กับความคิดของผู้ต่อต้านซึ่งยังเป็นนักวิชาการที่อยู่ในกรอบอย่างทรนง จนกระทั่งสังคมโลกแห่งความเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างแห่งรูปแบบการเรียนการสอนที่ผู้สอนและผู้เรียนไม่จำเป็นที่ต้องอยู่ในกรอบเดิมแบบไทยๆในอดีตอีกต่อไปและแล้ว นักวิชาการผู้กล้าหาญอย่างชาญฉลาด คือ ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.สวัสดิ์ บันเทิงสุข จึงได้ลงนามในคำแถลงร่วม (Joint Statement กับ UN – ESCAP และ UNESCO เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ค.ศ.2000)
เพื่อการขับ เพื่อสันติภาพทั้งนี้เพื่อให้เกิดสันติภาพในภูมิภาคเอเชีย โดยมี สะพานมิตรภาพไทย – พม่า ที่แม่สอดเป็นการเชื่อมโยงให้การเดินทางโดยทางบก (Land Route) ในการเดินหน้าทางวิชาการนอกกรอบโดยอาศัยความเป็นสากลมาให้คนไทย ผู้ใฝ่รู้ ใฝ่ศึกษาทางวิชาการในรูปแบบการเรียนการสอนแบบนอกกรอบและไม่กีดกัน พร้อมด้วยส่งเสริมให้ยังคงมีรูปแบบการเรียนการสอนในกรอบมหาวิทยาลัยแบบเดิมๆอยู่บ้างแต่ก็มิปล่อยให้ผู้เรียนต้องหลงทาง เส้นทางแห่งการส่งเสริมสถาปนาภูมิปัญญาของคนที่เดินอยู่บนถนนสายความจริง ซึ่งยิ่งเดินไปยิ่งไกลและยิ่งกว้าง จึงถูกสร้างขึ้นมาในกรอบความคิดในทางปฏิบัติของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลกซึ่งต่อมายังมีปฏิญญาเชียงรายและอีกหลายบันทึกข้อตกลงกับองค์กรต่างๆอย่างกว้างขวางจากการเดินทางด้านการศึกษาในระดับปริญญาเอกจากต่างประเทศ และการใช้ชีวิตของความเป็นนักวิชาการในระดับศาสตราจารย์ และการเขียนหนังสือนอกกรอบทางวิชาการ การฝึกอบรมให้ผู้ใฝ่หาความรู้เพื่อการพัฒนาชีวิตตลอดช่วงชีวิตของผู้เป็นครูอาจารย์ จึงรู้จริงเห็นแจ้งว่าเป็นเวลาที่จะต้องยกระดับคุณค่าของคนบนเส้นทางของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก บนพื้นฐานทางความคิดที่ต้องปรับความคิดให้ทันคน ปรับคนให้ทันความเปลี่ยนแปลง ปรับความเปลี่ยนแปลงให้ทันยุค แล้วก็ถึงยุคแห่งการร้องหาสันติภาพในสังคมโลกซึ่งกำลังมีเสียงดังกึกก้องขึ้นในทุกขณะ อุปสรรคของสันติภาพจากการถูกกีดกันหรือตีกรอบครอบงำ จะไม่สามารถเติบโตได้อีกต่อไป
มหาวิทยาลัยสันติภาพโลกจึงมีคณะนักวิชาการ นักบริหาร นักธุรกิจ ที่มีแนวคิดและมุมมองไปในทิศทางเดียวกันได้ก่อตั้งขึ้นในประเทศไทยภายใต้สัมพันธภาพที่ดีกับนักวิชาการในต่างประเทศอย่างแนบแน่น โดยมีที่อยู่ของสำนักงาน งานมหาวิทยาลัยอยู่เลขที่ 506 Parkside Place, Indian Harbor Beach, FL 32937 USA. Tel : 321 777 2323 FL.USA.(รัฐฟลอริดา)
โดยมีศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.สวัสดิ์ บรรเทิงสุข เป็นอธิการบดี ศาสตราภิชาน ดร.เรวัตร์ ชาตรีวิศิษฏ์ เป็นนายกสภามหาวิทยาลัย ศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ ดร.ศุภณัฐ ดอนจันทร์ เป็นนายทะเบียนมหาวิทยาลัย และมีนักวิชาการและผู้ทรงคุณวุฒิทางสังคมอีกมากมายได้ร่วมกันสถาปนามหาวิทยาลัย ให้ก้าวไปสู่สังคมด้วยอุดมการณ์แห่งการสร้างสรรค์ให้เกิดสันติภาพขึ้นในทุกหน่วยของสังคมโลกในวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ณ โรงแรมแชงกรีลา จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งในวันสถาปนามหาวิทยาลัยนั้นทางฝ่ายบริหารได้เสนอชื่อและรับรองบุคคลต่างๆที่มีวุฒิภาวะทางสังคม มีผลงานและประสบการณ์ชีวิตที่มีคุณค่าและสามารถพัฒนาสร้างสรรค์สังคมให้เป็นไปในทางที่ดีได้ซึ่งมีทั้งข้าราชการทุกระดับและบุคคลทั่วไปที่สามารถประกอบสัมมาชีพให้ดำรงตนอยู่ในสังคมได้เป็นอย่างดีพร้อมที่จะสอนให้สังคมได้เรียนรู้และปฏิบัติตามได้ ซึ่งจะมีพิธีมอบวุฒิบัตรที่สำคัญยิ่งในระดับ บัณฑิตกิตติมศักดิ์ , มหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ และ ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ พร้อมด้วยการแต่งตั้งตำแหน่งทางวิชาการให้แก่ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษทางวิชาการในระดับ ศาสตราจารย์กิตติคุณ(Emeritus Professor) ศาสตราจารย์เกียรติคุณ(Honorable Professor) ศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ (Honorable Professor)
เพื่อบุคคลต่างๆที่ได้รับปริญญาบัตรและคุณวุฒิทางวิชาการ จะได้เป็นบุคคลต้นแบบของสังคมโลกใหม่ ที่มีการติดต่อสื่อสารแลกเปลี่ยนและเรียนรู้ได้จากทั่วทุกมุมโลกอย่างไร้ขอบเขตจำกัด และจะได้เป็นภูมิปัญญาสากลที่คนทั่วโลกสามารถนำไปใช้เป็นวิธีการคิด วิธีการปฏิบัติและไม่ตัดโอกาสคนดี คนมีความสามารถ คนที่มีความเป็นปราชญ์ของสังคม ที่ไม่ต้องติดหล่มเพราะกรอบของสังคมที่แคบอีกต่อไปเหตุฉะนั้น การให้โอกาส การส่งเสริมยกระดับคุณค่าของคนในสังคมโลกจึงเป็นจุดเริ่มต้นของสันติภาพที่ดีโดยไม่จำเป็นต้องมีเงิน และติดอยู่ในกรอบเดิมเสมอไป
มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก อันเป็นโลกกว้างทางความคิด และโลกกว้างทางวิชาการที่มีการผสมผสานทางด้านวัฒนธรรมการเรียนรู้ การยกย่องเชิดปูชนียบุคคลของสังคม การให้เกียรติผู้มีประสบการณ์ชีวิตอันเป็นทฤษฎีแห่งการปฏิบัติในทางสร้างสรรค์ และเขาเหล่านั้นยังคงมีอยู่อีกมากมายในทุกระดับของสังคม หวังว่าอุดมการณ์แห่งการสร้างคุณค่าให้เกิดแก่คนบนเส้นทางชีวิตสายสำคัญแห่งมนุษยชาติ ซึ่งได้ถูกประกาศและสถาปนาในวันนี้นั้น จะทวีคุณค่าและขยายผลสู่คนทุกชนชาติด้วยความสามารถและความเฉลียวฉลาดจากภูมิปัญญาที่ไร้ขอบเขตจำกัด ขอแสดงความยินดีต่อผู้มีความรู้ มีความสามารถที่ได้รับการยอมรับและการมองเห็นคุณค่าของคำว่า “คนดี คนมีฝีมือ คนมีความสามารถ คนมีประสบการณ์ คนสร้างสรรค์สังคม ซึ่งสมควรแล้วด้วยประการทั้งปวงกับคุณวุฒิทางวิชาการและปริญญาบัตรกิตติมศักดิ์ แห่งศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ที่จะต้องไม่หยุดนิ่ง หากแต่จะต้องเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์ให้เกิดสันติภาพอันจะก่อให้เกิดสันติสุขขึ้นในทุกระดับของสังคมตลอดไป
ด้วยความปรารถนาดีจาก
ฝ่ายบริหารมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น