วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2555

ตัวอย่าง(สัญญา การซื้อขายที่ดิน ป้าเกษร) ของการทำสัญญา จะซื้อจะขาย การทำจัดสรรที่ดิน

                                                                   ทำที่ 38 ถนนจรัญสนิทวงค์
                                                                    แขวงบางบำหรุ
                                                                    เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร

                                                                    วันที่...... มีนาคม   2555



หนังสือสัญญานี้ทำขึ้นระหว่าง ข้าพเจ้า นาง เกษร อิน ในฐานะผู้รับมอบอำนาจและในฐานะส่วนตัว อยู่บ้านเลขที่ 38 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางบำหรุ  เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร  ซึ้งต่อไปในสัญญานี้เรียกว่า ผู้จะขาย ฝ่ายหนึ่ง กับ ข้าพเจ้า
นาย............................................................................................................................
..................................................................................................................................
ซึ่งต่อไปในสัญญานี้จะเรียกว่า ผู้จะซื้อ  อีกฝ่ายหนึ่ง คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงทำสัญญาจะซื้อจะขาย ที่ดิน ดังมีข้อความต่อไปนี้

ข้อ1.ทรัพย์สินที่จะซื้อจะขาย

       ผู้จะขายตกลงจะขายและผู้จะซื้อตกลงจะซื้อที่ดิน (ไม่มีสิ่งปลูกสร้าง) จำนวน 2 แปลงโดยปลอดภาระจำนอง คือ

        1. ) ที่ดิน โฉนดเลขที่ 127 เลขที่ดิน 611 หน้าสำรวจ 34 ตำบลห้วยจรเข้ (นครปฐม) อำเภอเมืองนครปฐม (พระปฐมเจดีย์) จังหวัดนครปฐม (นครชัยศรี) เนื้อที่ดิน 1 ไร่ 1 งาน 32 ตรางวา
        2.)  ที่ดิน โฉนดเลขที่ดิน  38 เลขที่ดิน 89 หน้าสำรวจ 38 ตำบลสนามจันทร์ (สระน้ำจัน)อำเภอเมืองนครปฐม (พระปฐมเจดีย์) จังหวัดนครปฐม (นครชัยศรี) เนื้อที่ดิน 13 ไร่ 2 งาน 91 ตารางวา  โดยมีรายละเอียดของที่ดินปรากฎ ตามเอกสารแนบท้ายสัญญานี้

         รวมเนื้อที่ดินทั้ง 2  แปลง มีเนื้อที่ดินทั้งสิน 15 ไร่ 23 ตารางวา ในราคาไร่ละ 5,500,000. บาท ( ห้าล้านห้าแสนบาทถ้วน) คิดเป็นเงินค่าที่ดินทั้งสิ้น  .........................................  บาท (..........................................................)

        อนึ่ง คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงให้การซื้อขายที่ดินแปลงดังกล่าว เป็นการซื้อขายเหมา ตามเนื้อที่ดินที่ปรากฎในโฉนดที่ดิน หากมีการรังวัดสอบเขตเนื้อที่ดินในภายหลังแล้วปรากฏว่ามีเนื้อที่ดิน เพิ่มขึ้นหรือลดลง  คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงไม่คิดค่าราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงต่อกันอีก

   ข้อ 2. เงินมัดจำ และการกำหนดโอนสิทธิครอบครองทางทะเบียน
          ผู้จะซื้อตกลงวางมัดจำ เป็นเงิน 15,000,000. บาท (สิบห้าล้านบาท) โดยชำระเป็น ดร๊าฟท์ ซึ้งผู้จะขายได้รับดร๊าฟท์ฉบับดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันทำสัญญานี้ ส่วนเงินที่ดินส่วนที่เหลือ อีกเป็นจำนวน ............................................................... บาท (..........................................................................)  ผู้จะซื้อจะชำระให้แก่ผู้ขายเป็นดร๊าฟท์ ในวันจดทะเบียน โอนกรรมสิทธิ์  ณ  สำนักงานที่ดิน จังหวัด นครปฐม ซึ้งมีกำหนดจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ ที่ดินทั้งสองแปลง ภายใน 90 วัน นับแต่วันทำหนังสือสัญญาฉบับนี้เป็นต้นไป

   ข้อ 3. ค่าภาษีและค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์
    
        ผู้ซื้อตกลงเป็นผู้ชำระค่าธรรมเนียม ค่าภาษีอากร ค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าวแต่เพียงผู้เดียว


  ข้อ 4.ข้อสัญญาอื่นๆ

        ในวันจดทะเบียนโอนกรรมสิทยธิ์ที่ดินทั้งสองแปลง  ผู้จะขายยินยอมให้ผู้จะซื้อลงชื่อบุคลอื่นหรือนิติบุคลอืนเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งสองแปลงแทนผู้จะซื้อดำเนินการใดๆ หรือรอ้งขอให้ผู้จะขายดำเนินการใดๆทางทะเบียนในที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าว


   ข้อ 5. การผิดสัญญา

        หากผู้จะซื้อผิดสัญญาไม่รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามสัญญานี้พร้อมชำระค่าที่ดินส่วนที่เหลือตามข้อ 2. ผู้จะซื้อยินยอมให้ผู้จะขายริบเงินมัดจำ และให้ถือว่าสัญญานี้สิ้นสุดลง โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าแต่ประการใด ในทำนองเดียวกันหากผู้จะขายผิดสัญญาไม่โอนกรรมสิทธิ์ที่ตามสัญญาไม่โอนกรรมสิทธิ์ ที่ดินตามสัญญานี้ให้แก่ผู้จะซื้อ ผู้จะขายยินยอมคืนเงินมัดจำให้แก่ผู่จะซื้อ และให้ผู้จะซื้อเรียกร้องสิทธิ์ค่าเสียหายอื่นๆ หากพึงมี




     สัญญานี้ทำขึ้นเป็นสองฉบับ มีข้อความถูกต้องตรงกัน คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายได้อ่านและเข้าใจโดยตลอดแล้วเห็นว่าถูกต้องตรงตามเจตนา  เพื่อเป็นหลักฐานจึงได้ลงลายมือชื่อไว้เป็นสำคัญต่อหน้าพยาน








ลงชื่อ  .........................................................................ผู้จะขาย
                            ( นางเกษร    อินดี  )




ลงชื่อ  ......................................................................ผู้จะซื้อ






ลงชื่อ......................................................................  พยาน

           (................................................................)




ลงชื่อ....................................................................... พยาน

            (.............................................................)



ที่มา มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก

World Peace University



มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก   World Peace University
            เมื่อได้เห็นหรือได้ยินชื่อว่า สันติภาพโลก วิญญูชนทั่วไปย่อมจะรู้สึกขึ้นมาทันทีเลยว่า.....เป็นประโยคที่.....ให้ความรู้สึกไปในทางที่ดี ทำให้คิดจินตนาการต่อไปได้ว่า เป็นสิ่งที่สังคมโลกของคนทุกเผ่าพันธุ์ ต้องการสันติภาพและสันติภาพนั้นก็ย่อมนำมาซึ่งสันติสุขดังนั้นสันติภาพจึงเป็นพื้นที่ทางความคิดของคนดี ผู้มีวิสัยทัศน์ ( VISION )    ที่กว้างไกลไร้ขอบเขตจำกัด สันติภาพที่ไร้ขอบเขตจำกัดจึงไม่ควรถูกจำกัดอยู่จำเพาะองค์กรหนึ่งองค์กรใด และควรที่จะกระทำให้เกิดขึ้นให้ได้ในทุกๆหน่วยของสังคม ทั้งระดับครอบครัว ชุมชน สังคมใหญ่ในระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด ประเทศ ภูมิภาค ทวีป และโลก !
     สันติภาพจึงมิใช่เป็นทรัพย์สมบัติหรือเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของทุกคน หากสังคมใดต้องการให้มีสันติภาพเกิดขึ้น สังคมนั้นย่อมต้องให้การยอมรับและมองให้เห็นคุณค่าของคนในสังคมนั้น โดยต้องไม่กีดกันความแตกต่างที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม ดังเช่นในสังคมของชุมชนที่มีปราชญ์ชุมชน ที่เรียนรู้พัฒนาตนเองด้วยวิธีการคิดและลงมือปฏิบัติไปในทางสร้างสรรค์และเกิดผลดีต่อส่วนรวม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเราจึงเห็นว่าสินค้าที่เรียกว่าโอทอป(OTOP) หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ได้ถูกนำเสนอสู่สังคมตั้งแต่ชุมชนเล็กๆจนกระทั่งถึงตลาดโลก ซึ่งสิ่งเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นภูมิปัญญาธรรมชาติที่เป็นความสามารถ ซึ่งมีอยู่ในรูปแบบของพรสวรรค์หรือความสามารถเฉพาะตัวของบุคคลแทบทั้งสิ้น ความเป็นศิลปินจากความเป็นคนเหมือนกัน แต่ความสามารถที่เป็น พรสวรรค์ต่างกัน จึงทำให้ศิลปินคนนั้นกลายเป็นขวัญใจของประชาชน และยังมีคนอีกจำนวนมากมายที่อยู่ในหลากหลายอาชีพ เขาเหล่านั้นมีความสามารถ มีฝีมือ มีความชำนาญ มีความเฉลียวฉลาดไร้ขอบเขตจำกัด แต่เขาเหล่านั้นไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือในระบบของการศึกษาที่ถูกสังคมตีกรอบให้เขาเหล่านั้นไม่สามารถเข้าถึง เพียงเพราะเหตุปัจจัยทางการเงิน หรือความสัมพันธ์กับบุคคลพิเศษ ผู้มีอำนาจไม่เปิดโอกาสให้เข้าถึงได้โดยง่าย หรือเพราะอยู่ห่างไกลความเจริญ ทางวัตถุหรือเทคโนโลยีสมัยใหม่ หรือเพราะความมั่นใจในสิ่งที่เป็นตัวตนของตนเองจึงกล้าแสดงออกถึงความคิดเห็นและการกระทำอื่นๆที่โดดเด่นจนเป็นเหตุให้มีการ  สกัดดาวรุ่งจากผู้มีอำนาจที่มีจิตริษยาไม่อยากเห็นผู้อื่นดีกว่าตน จนเกิดความหมั่นไส้สังคมไทยจึงถูกปล่อยปละละเลยให้สิ่งต่างๆดังกล่าวมาเกิดขึ้นมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน เป็นเหตุให้การบริหารจัดการเกี่ยวกับสังคมอยู่ในรูปแบบ ติดหล่มเคลื่อนไหวไปมาลำบาก การสถาปนายอมรับ ต้องอยู่ในกรอบที่บางเรื่องราวไม่มีความจำเป็นต้องนำเอากรอบเดิมที่ล้มเหลวซ้ำซากมาเป็นกรอบครอบงำสิ่งที่ถูกสร้างสรรค์ใหม่อีกต่อไป ดูเหมือนสังคมไทยยังคงเป็นอยู่เช่นนี้  อีกอย่างโดดเด่นเห็นได้ชัด จึงกลายเป็นเสียงบ่นจากทางสังคมว่า คนดีไม่กล้าแต่คนบ้าฮึกเหิม คนทำดีไม่มีโอกาสได้ตำแหน่งดีๆ แต่คนไม่ดีกลับได้รับการส่งเสริม คนมีความรู้ความสามารถขาดกำลังใจ เพราะถูกกีดกัน คนเป็นผู้นำขาดหลักธรรมาภิบาลที่ดี คนไม่ดีกลับใช้ความสามารถทางวิชามารเพื่อเป็นฐานก้าวข้ามหัวคนดีที่ไม่กล้าหาญ เพราะหากคนดีกล้าหาญแต่เป็นระบบข้าราชการแล้วละก้อเป็นอันต้องทำให้อนาคตมืดมน เราจึงเห็นคนดีคนเก่งในระบบราชการกลายเป็น จิ้งจกเปลี่ยนสี เพราะเหตุว่ามีคนไม่ดีเข้ามามีอำนาจ เมื่อความไม่ดีเข้ามาครอบงำสังคมความไม่ชอบธรรม ความไม่เที่ยงธรรม ความไม่รักษาน้ำใจ ความไม่เอาไหน ต่อการยอมรับยกย่องคนดี จึงมีให้เห็นอย่างเด่นชัด แล้วสันติภาพและสันติสุขจะเกิดขึ้นในสังคมได้อย่างไร เพราะเราได้ปล่อยให้ความดี ความถูกต้อง ความยุติธรรม ถูกใส่กรอบไว้จำเพาะเหตุผลที่คนนำไปเข้าข้างตนเองว่าถูกต้องเท่านั้นเอง
            มหาวิทยาลัยสันติภาพโลกเกิดขึ้นจากแนวความคิดและมุมมองที่คมชัดจากนักวิชาการผู้รักสันติภาพ ที่เป็นผู้กล้าหาญในการใช้ประสบการณ์ชีวิตของความเป็นครูและเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ถ้าให้กรอบของความเป็นอาจารย์ซึ่งเป็นข้าราชการที่มียศถาบรรดาศักดิ์นำหน้าอยู่ในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นเวลา 30 ปี ซึ่งเป็นผู้ที่กล้าคิด  กล้าพูด กล้าทำ เป็นผู้ที่เคยเป็นทั้งผู้ตามและผู้นำทางวิชาการและการบริหาร เป็นผู้กล้าคิดกล้าเขียนและกล้าสอนให้ลูกศิษย์ลูกหากล้าคิดนอกกรอบ กล้าแหวกกรงความคิดด้านวิชาการสู่การปฏิบัติที่ต้องใช้เวลาในการต่อสู้กับความคิดของผู้ต่อต้านซึ่งยังเป็นนักวิชาการที่อยู่ในกรอบอย่างทรนง จนกระทั่งสังคมโลกแห่งความเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างแห่งรูปแบบการเรียนการสอนที่ผู้สอนและผู้เรียนไม่จำเป็นที่ต้องอยู่ในกรอบเดิมแบบไทยๆในอดีตอีกต่อไปและแล้ว นักวิชาการผู้กล้าหาญอย่างชาญฉลาด คือ ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.สวัสดิ์ บันเทิงสุข  จึงได้ลงนามในคำแถลงร่วม (Joint Statement กับ UN – ESCAP และ UNESCO เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ค.ศ.2000)
เพื่อการขับ เพื่อสันติภาพทั้งนี้เพื่อให้เกิดสันติภาพในภูมิภาคเอเชีย โดยมี สะพานมิตรภาพไทย – พม่า ที่แม่สอดเป็นการเชื่อมโยงให้การเดินทางโดยทางบก (Land Route) ในการเดินหน้าทางวิชาการนอกกรอบโดยอาศัยความเป็นสากลมาให้คนไทย ผู้ใฝ่รู้ ใฝ่ศึกษาทางวิชาการในรูปแบบการเรียนการสอนแบบนอกกรอบและไม่กีดกัน พร้อมด้วยส่งเสริมให้ยังคงมีรูปแบบการเรียนการสอนในกรอบมหาวิทยาลัยแบบเดิมๆอยู่บ้างแต่ก็มิปล่อยให้ผู้เรียนต้องหลงทาง เส้นทางแห่งการส่งเสริมสถาปนาภูมิปัญญาของคนที่เดินอยู่บนถนนสายความจริง ซึ่งยิ่งเดินไปยิ่งไกลและยิ่งกว้าง จึงถูกสร้างขึ้นมาในกรอบความคิดในทางปฏิบัติของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลกซึ่งต่อมายังมีปฏิญญาเชียงรายและอีกหลายบันทึกข้อตกลงกับองค์กรต่างๆอย่างกว้างขวางจากการเดินทางด้านการศึกษาในระดับปริญญาเอกจากต่างประเทศ และการใช้ชีวิตของความเป็นนักวิชาการในระดับศาสตราจารย์ และการเขียนหนังสือนอกกรอบทางวิชาการ การฝึกอบรมให้ผู้ใฝ่หาความรู้เพื่อการพัฒนาชีวิตตลอดช่วงชีวิตของผู้เป็นครูอาจารย์ จึงรู้จริงเห็นแจ้งว่าเป็นเวลาที่จะต้องยกระดับคุณค่าของคนบนเส้นทางของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก บนพื้นฐานทางความคิดที่ต้องปรับความคิดให้ทันคน ปรับคนให้ทันความเปลี่ยนแปลง ปรับความเปลี่ยนแปลงให้ทันยุค แล้วก็ถึงยุคแห่งการร้องหาสันติภาพในสังคมโลกซึ่งกำลังมีเสียงดังกึกก้องขึ้นในทุกขณะ อุปสรรคของสันติภาพจากการถูกกีดกันหรือตีกรอบครอบงำ จะไม่สามารถเติบโตได้อีกต่อไป
     มหาวิทยาลัยสันติภาพโลกจึงมีคณะนักวิชาการ นักบริหาร นักธุรกิจ ที่มีแนวคิดและมุมมองไปในทิศทางเดียวกันได้ก่อตั้งขึ้นในประเทศไทยภายใต้สัมพันธภาพที่ดีกับนักวิชาการในต่างประเทศอย่างแนบแน่น โดยมีที่อยู่ของสำนักงาน  งานมหาวิทยาลัยอยู่เลขที่ 506 Parkside Place, Indian Harbor Beach, FL 32937 USA. Tel : 321 777 2323 FL.USA.(รัฐฟลอริดา)
            โดยมีศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.สวัสดิ์ บรรเทิงสุข เป็นอธิการบดี  ศาสตราภิชาน ดร.เรวัตร์ ชาตรีวิศิษฏ์ เป็นนายกสภามหาวิทยาลัย  ศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์  ดร.ศุภณัฐ ดอนจันทร์ เป็นนายทะเบียนมหาวิทยาลัย   และมีนักวิชาการและผู้ทรงคุณวุฒิทางสังคมอีกมากมายได้ร่วมกันสถาปนามหาวิทยาลัย ให้ก้าวไปสู่สังคมด้วยอุดมการณ์แห่งการสร้างสรรค์ให้เกิดสันติภาพขึ้นในทุกหน่วยของสังคมโลกในวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ณ โรงแรมแชงกรีลา จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งในวันสถาปนามหาวิทยาลัยนั้นทางฝ่ายบริหารได้เสนอชื่อและรับรองบุคคลต่างๆที่มีวุฒิภาวะทางสังคม มีผลงานและประสบการณ์ชีวิตที่มีคุณค่าและสามารถพัฒนาสร้างสรรค์สังคมให้เป็นไปในทางที่ดีได้ซึ่งมีทั้งข้าราชการทุกระดับและบุคคลทั่วไปที่สามารถประกอบสัมมาชีพให้ดำรงตนอยู่ในสังคมได้เป็นอย่างดีพร้อมที่จะสอนให้สังคมได้เรียนรู้และปฏิบัติตามได้  ซึ่งจะมีพิธีมอบวุฒิบัตรที่สำคัญยิ่งในระดับ บัณฑิตกิตติมศักดิ์ ,  มหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ และ ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ พร้อมด้วยการแต่งตั้งตำแหน่งทางวิชาการให้แก่ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษทางวิชาการในระดับ ศาสตราจารย์กิตติคุณ(Emeritus Professor)  ศาสตราจารย์เกียรติคุณ(Honorable Professor) ศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ (Honorable Professor)
            เพื่อบุคคลต่างๆที่ได้รับปริญญาบัตรและคุณวุฒิทางวิชาการ จะได้เป็นบุคคลต้นแบบของสังคมโลกใหม่ ที่มีการติดต่อสื่อสารแลกเปลี่ยนและเรียนรู้ได้จากทั่วทุกมุมโลกอย่างไร้ขอบเขตจำกัด และจะได้เป็นภูมิปัญญาสากลที่คนทั่วโลกสามารถนำไปใช้เป็นวิธีการคิด วิธีการปฏิบัติและไม่ตัดโอกาสคนดี คนมีความสามารถ คนที่มีความเป็นปราชญ์ของสังคม ที่ไม่ต้องติดหล่มเพราะกรอบของสังคมที่แคบอีกต่อไปเหตุฉะนั้น การให้โอกาส การส่งเสริมยกระดับคุณค่าของคนในสังคมโลกจึงเป็นจุดเริ่มต้นของสันติภาพที่ดีโดยไม่จำเป็นต้องมีเงิน และติดอยู่ในกรอบเดิมเสมอไป
            มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก อันเป็นโลกกว้างทางความคิด และโลกกว้างทางวิชาการที่มีการผสมผสานทางด้านวัฒนธรรมการเรียนรู้ การยกย่องเชิดปูชนียบุคคลของสังคม การให้เกียรติผู้มีประสบการณ์ชีวิตอันเป็นทฤษฎีแห่งการปฏิบัติในทางสร้างสรรค์ และเขาเหล่านั้นยังคงมีอยู่อีกมากมายในทุกระดับของสังคม หวังว่าอุดมการณ์แห่งการสร้างคุณค่าให้เกิดแก่คนบนเส้นทางชีวิตสายสำคัญแห่งมนุษยชาติ ซึ่งได้ถูกประกาศและสถาปนาในวันนี้นั้น จะทวีคุณค่าและขยายผลสู่คนทุกชนชาติด้วยความสามารถและความเฉลียวฉลาดจากภูมิปัญญาที่ไร้ขอบเขตจำกัด  ขอแสดงความยินดีต่อผู้มีความรู้   มีความสามารถที่ได้รับการยอมรับและการมองเห็นคุณค่าของคำว่า คนดี คนมีฝีมือ คนมีความสามารถ คนมีประสบการณ์ คนสร้างสรรค์สังคม ซึ่งสมควรแล้วด้วยประการทั้งปวงกับคุณวุฒิทางวิชาการและปริญญาบัตรกิตติมศักดิ์ แห่งศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ที่จะต้องไม่หยุดนิ่ง หากแต่จะต้องเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์ให้เกิดสันติภาพอันจะก่อให้เกิดสันติสุขขึ้นในทุกระดับของสังคมตลอดไป


                                                                                              ด้วยความปรารถนาดีจาก
ฝ่ายบริหารมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก
                                                                                                        3 พ.ย. 2555

































 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น